นายสุเทพ พันธุ์เพ็ง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด (รฟฟท.) ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงคมนาคมได้ดำเนินมาตรการค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีแดง 20 บาทตลอดสาย ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตั้งแต่เดือน ต.ค. 2566 ซึ่งจะครบระยะเวลา 1 ปีแล้ว ล่าสุดพบว่ามีตัวเลขผู้โดยสารเพิ่มขึ้นประมาณ 50% ซึ่งสูงกว่าประมาณการที่นำเสนอ ครม.เห็นชอบที่คาดว่าจะมีผู้โดยสารเพิ่มขึ้นจากมาตรการ 20 บาทตลอดสาย 10-15% หรือสูงสุดประมาณ 20% ถือว่าเกินความคาดหมายและประสบความสำเร็จอย่างมาก
ทั้งนี้ เพื่อดำเนินนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 รฟฟท.ได้สรุปข้อมูลผลการดำเนินงานในรอบปีที่ผ่านมาเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการ (บอร์ด) การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ในวันที่ 30 ก.ย.นี้ เพื่อเสนอต่อกระทรวงคมนาคม เสนอ ครม.ต่อขยายระยะเวลาออกไป ซึ่งประเมินว่าปี 2568 ผู้โดยสารจะเติบโตประมาณ 10%
สำหรับ ปัจจุบันรถไฟชานเมืองสายสีแดงมีขบวนรถ 25 ขบวน ใช้วิ่งให้บริการหมุนเวียน 10 ขบวนต่อวัน สายเหนือ (บางซื่อ-รังสิต) 178 เที่ยว/วัน สายตะวันออก บางซื่อ-ตลิ่งชัน 116 เที่ยว/วัน ความถี่ ในเวลาเร่งด่วน 10 นาที นอกเวลาเร่งด่วน 15 นาที รองรับผู้โดยสารได้ราว 2 แสนคนต่อวัน ซึ่งปัจจุบันผู้โดยสารเฉลี่ย 30,000 คน/วันซึ่ง ล่าสุดทำนิวไฮไปเมื่อปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาราว 4.2 หมื่นคน ทั้งปีคาดมีผู้โดยสาร 8-9 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน ที่มีเฉลี่ย 19,000คน/วัน และคาดว่าปี 2568 จะมีผู้โดยสารเฉลี่ย 40,000 คน/วัน
อย่างไรก็ตาม แม้มาตรการ 20 บาทตลอดสายรายได้ต่อคนจะหายไปราว 10 บาท เนื่องจากค่าเฉลี่ย ก่อนมาตรการจะใช้อัตราค่าโดยสารที่ 30 บาท/คน หลังใช้มาตรการ 20 บาทตลอดสายผู้โดยสารเพิ่มขึ้นประมาณ 50% ทำให้รายได้กลับเข้ามาเท่ากับ ค่าเฉลี่ยค่าโดยสาร 30 บาท/คน โดยตามปกติรถไฟฟ้าแต่ละเส้นทางจะรีเทิร์นได้ราว 9-10 ปี ล่าสุดสายสีแดงพบว่าราว 3 ปีสามารถทำได้สำเร็จ ดังนั้นก็จะเทียบเท่าต้นทุนพื้นฐานการเดินรถไฟสายสีแดงราว 8.4 หมื่นคนต่อวัน โดยสถานีดอนเมืองจะเห็นภาพปริมาณผู้โดยสารเพิ่มขึ้นชัดเจน
นอกจากนี้ รฟฟท.ประเมินว่ากันยายนปี 2568 จะเชื่อมได้หลายสายมากขึ้น เช่นการ เชื่อมสายสีแดงกับสายสีม่วงที่บางซ่อน ยังคาดว่าปริมาณผู้โดยสารจะเพิ่มขึ้นราว 10-20% มั่นใจว่าปี 2568 จะเพิ่มอีกไม่น้อยกว่า 15%