รมว.คลังชี้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินพื้นที่ กทม. เป็นเหตุจำเป็น เชื่อไม่กระทบภาคธุรกิจ

869
0
Share:
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงกรณีที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพฯ ว่า เป็นความจำเป็นของรัฐบาล และฝ่ายความมั่นคงที่จะต้องเข้าไปดูแลสถานการณ์ ซึ่งมองว่า เรื่องนี้ เป็นการประกาศเฉพาะพื้นที่เท่านั้น ซึ่งส่วนของภาคธุรกิจ เชื่อว่าจะเดินหน้าต่อไปได้ปกติ และฝ่ายความมั่นคงจะดูแลเป็นอย่างดี
.
ทั้งนี้จะมีผลกระทบต่อภาคเศรษฐกิจมากน้อยเพียงใด ขณะนี้ยังไม่สามารถคาดการณ์ได้ แต่ขณะนี้ขอดูแลเฉพาะส่วนกระทรวงการคลังก่อน
.
พร้อมสนับสนุนการทำประกันภัยในกลุ่มประชาชนทั่วไป และผู้มีรายได้น้อย ให้เป็นวาระแห่งชาติ รวมถึงได้สั่งการให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการกำกับดูแลธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ให้เร่งจัดทำแผนประกันประกันสุขภาพ ประกันหลังวัยเกษียณ ประกันเกี่ยวกับการขนส่งคมนาคม สำหรับกลุ่มรายย่อย โดยให้เสนอให้กระทรวงการคลังพิจารณาหลังจากนี้
.
สำหรับการยกระดับประกันสุขภาพ ยืนยันว่าเป็นมาตรการเร่งด่วน เนื่องจากปัจจุบันระบบสวัสดิการยังไม่เพียงพอ ที่จะรองรับค่าใช้จ่าย และสังคมผู้สูงอายุในอนาคต รวมถึงปัจจุบันพบว่า สัดส่วนการทำประกันยังอยู่ในระดับต่ำ ดังนั้นจึงอยากให้ความสำคัญในเรื่องนี้ เพราะจะช่วยลดความเหลื่อมล้ำ รวมถึงช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของภาครัฐด้วย
.
นอกจากนี้ ยังอยากให้การทำประกันเป็นส่วนหนึ่งในการวางแผนชีวิตหลังวัยเกษียณ เพราะพบว่า คนไทยยังมีหลักประกันน้อย ขณะที่สังคมผู้สูงวัยกำลังก้าวเข้ามา
.
นอกจากนี้ได้สั่งการให้คปภ.ไปพิจารณาการออกประกันพืชผลทางการเกษตรเพิ่มเติม นอกเหนือจากข้าวนาปี และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เนื่องจากมองว่าจะเป็นการช่วยเหลือกลุ่มเกษตรได้
.
นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ คปภ. กล่าวว่า ในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ ธุรกิจประกันมีเบี้ยประกันรับโดยตรงอยู่ที่ 406,869 ล้านบาท แบ่งเป็น ธุรกิจประกันชีวิต 285,402 ล้านบาท ธุรกิจประกันวินาศภัย 121,467 ล้านบาท โดยธุรกิจประกันภัยมีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 4.61 ล้านล้านบาท มีสัดส่วนเบี้ยประกันภัยต่อจีดีพีอยู่ที่ 5.3% ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับสูง