รมว.มหาดไทยสั่งการผู้ว่าฯทุกจังหวัด คุมเข้มเรื่องการกักตุนสินค้า

734
0
Share:

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการสำรวจการกักตุนโภคภัณฑ์ เป็นประธานประชุมคณะกรรมการสำรวจการกักตุนโภคภัณฑ์ ได้จัดประชุมผ่านระบบ Video Conference พร้อมระบุว่า ช่วงการระบาดของโควิด-19 มีบุคคลบางกลุ่มถือโอกาสกักตุนโภคภัณฑ์ที่จำเป็นต่อการเฝ้าระวังและควบคุมติดตามการระบาดของโควิด19 รวมถึงกักตุนเครื่องอุปโภคบริโภค และสิ่งจำเป็นต่อการดำรงชีวิตประจำวันของประชาชน เพื่อให้โภคภัณฑ์ดังกล่าวขาดแคลนในท้องตลาด ราคาจะได้สูงขึ้น ถือเป็นการกระทำที่เอารัดเอาเปรียบและสร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนและสังคม
.
จึงมีความจำเป็นต้องบังคับใช้พระราชบัญญัติสำรวจการกักตุนโภคภัณฑ์ พ.ศ. 2497 อย่างจริงจัง ซึ่งเมื่อวันที่ 6 เม.ย. 2563 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดเกล้าฯ ให้มีพระราชกฤษฏีกากำหนดท้องที่เขตสำรวจการกักตุนโภคภัณฑ์ พ.ศ. 2563 ขึ้น เพื่อที่จะกำหนดพื้นที่สำรวจฯ โดยมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 6 เม.ย.ที่ผ่านมา
.
ดังนั้นที่ประชุมจึงได้มีมติร่วมกันใน 4 เรื่องสำคัญได้แก่ 1.ร่างคำสั่งคณะกรรมการฯ เรื่อง แต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติสำรวจการกักตุนโภคภัณฑ์ พ.ศ. 2497 เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถป้องกันและปราบปรามการกักตุนโภคภัณฑ์ต่าง ๆ อันส่งผลให้เกิดความเดือดร้อนแก่ประชาชน โดยให้มีพนักงานเจ้าหน้าที่เช่น ผู้ว่าฯกทม. ปลัดกทม.ในเขตท้องที่กทม. และผู้ว่าราชการจังหวัด/รองผู้ว่าราชการจังหวัด ในจังหวัดอื่น ๆ เป็นต้น
.
2.ร่างประกาศคณะกรรมการฯ เรื่อง กำหนดระยะเวลาทำการสำรวจการกักตุนโภคภัณฑ์ของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติฯ
.
3.ร่างประกาศคณะกรรมการฯ เรื่อง กำหนดพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจ และแบบเอกสารในการดำเนินการตามมาตรา 9 แห่งพระราชบัญญัติฯ
.
4.ร่างประกาศคณะกรรมการฯ เรื่อง กำหนดวิธีการขายโภคภัณฑ์ การยึด และบังคับซื้อโภคภัณฑ์ตามมาตรา 9 (4) แห่งพระราชบัญญัติฯ
.
โดยร่างประกาศทั้งหมดเพื่อ ให้สอดคล้องกับการรณรงค์ Social Distancing และมาตรการสกัดกั้นเช่นการกักตัว ทุกรูปแบบอย่างเข้มข้น แต่ก็ต้องเตรียมการเพื่อให้ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน สามารถดำเนินต่อไปได้อย่างเป็นปกติ สามารถซื้อเครื่องอุปโภคบริโภคได้ในราคาที่เป็นธรรม และต่องไม่มีการกักตุนสินค้า ดังนั้น พนักงานเจ้าหน้าที่ที่ได้รับแต่งตั้งต้องไปสร้างความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ไม่ให้มีการกักตุนสินค้า และถ้ามีการกระทำความผิดจะมีบทลงโทษ
.
ทั้งนี้ อาจมีกฎหมายฉบับอื่นที่เกี่ยวข้องก็สามารถนำมาบังคับใช้ได้ทุกฉบับ และให้ผู้ว่าราชการจังหวัด/ผู้ว่าฯกทม.และพนักงานเจ้าหน้าที่ใช้มาตรการด้านการข่าวในการสืบหาบุคคลหรือกลุ่มบุคคลใดที่กักตุนสินค้า และดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด