รอคำตัดสิน! ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดร่วงกว่า 120 จุด น้ำมันดิบโลกปิดลลงหลุด 95 ดอลลาร์

211
0
Share:
รอคำตัดสิน! ดัชนี หุ้น ดาวโจนส์ ปิดร่วงกว่า 120 จุด น้ำมันดิบโลกปิดลลงหลุด 95 ดอลลาร์

เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2565 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 32,732 จุด -128 จุด หรือ -0.39% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 3,871 จุด -29 จุด หรือ -0.75% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ระดับ 11,988 จุด -114 จุด หรือ -1.03 % เมื่อสิ้นสุดเดือนตุลาคม พบว่าดัชนีหุ้นดาวโจนส์พุ่งทะยานสูงถึง 13.95% ทำสถิติดีที่สุดรายเดือนในรอบ 46 ปี 9 เดือน หรือตั้งแต่ปี 1976 ในยุคประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกานายโรนัลด์ เรแกน เป็นต้นมา ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนตุลาคมในหลายปีผ่านมา พบว่าเป็นดัชนีหั่นดาวโจนส์เดือนตุลาคมที่ดีที่สุดในรอบ 126 ปี หรือนับตั้งแต่เริ่มก่อตั้งดัชนีหุ้นดาวโจนส์เมื่อปี 1896 เป็นต้นมา

ขณะที่ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 และนาสแดคปิดขึ้น 8% และ 3.9% ตามลำดับ

ในสัปดาห์ผ่านไป ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง เพิ่มขึ้น +5.7%, +3.9% และ +2.2% ตามลำดับ โดยเฉพาะดัชนีหุ้นดาวโจนส์ พบว่า นับเป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกันที่ปิดขึ้นในแดนบวก ทำสถิติเป็นครั้งแรกในรอบเฉียด 1 ปี หรือนับตั้งแต่พฤศจิกายนปี 2021 เป็นต้นมา นอกจากนี้ ยังเป็นดัชนีหุ้นดาวโจนส์รายสัปดาห์ที่ทะยานขึ้น 5.7% ที่ดีที่สุดในรอบ 5 เดือน หรือนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคมเป็นต้นมา

สาเหตุจากนักลงทุนขายทำกำไรช่วงสั้นๆ เพื่อรอฟังผลการประชุมดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาที่เริ่มต้นขึ้นในคืนนี้เป็นคืนแรกโดยจะประกาศผลการประชุมในวันที่ 2 พฤศจิกายนตามเวลาในสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ นักลงทุนรอฟังประธานธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาเกี่ยวกับการแถลงมุมมองที่มีต่อแนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นในอนาคต

ในเดือนตุลาคมที่ผ่านไป ปัจจัยบวกที่นักลงทุนประเมินว่าอัตราเงินเฟ้อในสหรัฐอเมริกาอาจไม่เร่งตัวอย่างรุนแรงอีกต่อไป มุมมองของผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาบางสาขาที่ส่งสัญญาณว่าเฟดอาจจะชะลอการขึ้นดอกเบี้ยที่ไม่รุนแรงมากหลังจากการประชุมในวันที่ 1-2 พฤศจิกายนที่ถูกคาดการณ์ว่าจะปรับขึ้น 0.75% เป็นครั้งที่ 4 ติดต่อกัน ท่ามกลางปัจจัยลบที่นักลงทุนต้องผิดหวังกับผลประกอบการของบริษัทในกลุ่มเทคโนโลยีที่ทยอยประกาศออกมา ได้แก่ อัลฟาเบธ โดยยูทูปมีรายได้โฆษณาลดลงสวนความคาดหมาย ไมโครซอฟท์มีผลประกอบการลดลง เมตา อินคอร์ปอเรชั่น ที่มีผลขาดทุนไตรมาส 3 มากกว่า 140,000 ล้านบาท

ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 86.53 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -1.37 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -1.6% ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2565 มีราคาพุ่งขึ้นสูงสุดที่ 130.50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ที่สูงสุดนับตั้งแต่กันยายน 2008 หรือในรอบ 13 ปี 5 เดือน

ด้านราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 94.83 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -0.94 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -0.98% ก่อนหน้านี้ ราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ มีราคาสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2008 หรือในรอบ 13 ปี 7 เดือน โดยเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 มีขึ้นมาสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 139.13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

ในเดือนตุลาคม ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกทั้ง 2 แห่งปิดเพิ่มขึ้นเป็นเดือนแรกในรอบ 5 เดือน หรือตั้งแต่พฤษภาคมผ่านมา ขณะที่ในสัปดาห์ผ่านไป ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกทั้ง 2 แห่ง เพิ่มขึ้น 3% และ 2% ตามลำดับ

สาเหตุจากรัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่สั่งล็อกดาวน์เมืองสำคัญหลายแห่ง เช่น อู่ฮั่น กว่างโจว และซีหนิง หลังพบการระบาดของโรคโควิด-19 เพิ่มสูงขึ้น กระทบต่อสภาวะเศรษฐกิจจีนที่ย่ำแย่อยู่แล้วให้รุนแรงมากขึ้น นอกจากนี้ ไอเอ็มเอฟลดเป้าเศรษฐกิจจีนแผ่นดินใหญ่ปีนี้ลงอีกเหลือเพียง 3.2% จากเดิมที่ 4.4% ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐกลับมาแข็งค่า รวมถึงดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับเพิ่มขึ้น

ราคาทองคำล่วงหน้านิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 1,636.10 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ -11.70 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ -0.53% ในเดือนตุลาคม ราคาทองคำลดลง 1.1% ก่อนหน้านี้ ย้อนกลับไปเมื่อเดือนมีนาคม 2565 ราคาทองคำล่วงหน้ามีราคาสูงสุดระหว่างวันขึ้นไปถึง 2,072.50 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2020 หรือในรอบ 18 เดือน

สาเหตุจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐกลับมาแข็งค่า รวมถึงดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับเพิ่มขึ้น ตามด้วยผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกาอายุ 10 ปี เพิ่มขึ้นใกล้เคียงระดับสูงสุดในรอบกว่า 14 ปี หรือตั้งแต่กรกฎาคม 2008