รัฐบาลชูปี 65 ปีแห่งการแก้หนี้ครัวเรือนคนไทย นำร่องเตรียมแก้หนี้ครู-ตำรวจ

406
0
Share:
รัฐบาล

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการแก้ปัญหาหนี้สินภาคประชาชน ตามขอสั่งการนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ให้เร่งดำเนินการโดยด่วน ซึ่งรองนายกรัฐมนตรี นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ ในฐานะประธานคณะกรรมการกำกับการแก้ไขหนี้สินของประชาชนรายย่อย ได้รายงานว่า ในส่วนของการแก้ปัญหาหนี้สินข้าราชการ การขับเคลื่อนแบ่งเป็นสองกลุ่ม คือ บุคลากรครู และเจ้าหน้าที่ตำรวจ

โดยกระทรวงศึกษาธิการได้จัดตั้งคณะกรรมการแก้ไขหนี้สินบุคลากรครู มีแนวทางแก้ไขปัญหา ได้แก่ 1)ยุบยอดหนี โดยใช้ทรัพย์สินและรายได้ในอนาคตของครู เพื่อให้ยอดหนีลดลง และสามารถชำระคืนได้จากเงินเดือน เช่น ใช้เงินบำเหน็จตกทอดมาชำระหนี้บางส่วน 2)ปรับดอกเบี้ยเงินกู้ให้ลดลงเหลือไม่เกินร้อยละ 5 เพื่อให้สอดคล้องกับสินเชื่อ หักเงินเดือนข้าราชการที่มีความเสี่ยงต่ำ 3)ปรับลดค่าธรรมเนียมทำประกันชีวิตและการค้ำประกันโดยบุคคลที่ไม่จำเป็น 4)ยกระดับระบบการตัดเงินเดือนข้าราชการให้มีประสิทธิภาพและเป็นธรรมมากขึ้น ซึ่งขณะนี้ มีสหกรณ์ครูจำนวน 20 แห่ง ครอบคลุมครูทั่วประเทศ กว่า 2 แสนคน สมัครเข้าร่วมดำเนินการตามแนวทางที่กระทรวงฯกำหนด และคาดว่าจะมีเพิ่มในระยะต่อไป

ขณะที่การแก้ปัญหาหนี้ตำรวจ มีผู้เข้าร่วมโครงการ 4,900 ราย (ข้อมูล ณ ก.ย. 64) ได้รับการแก้ปัญหาหนี้แล้ว 2,100 ราย อยู่ระหว่างดำเนินการ 2,500 ราย และทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ขอความร่วมมือสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจเพื่อช่วยเหลือข้าราชการที่เป็นสมาชิกสหกรณ์ในช่วงสถานการณ์โควิด19 ในการพักชำระหนี้ เงินต้น การจัดทำโครงการปล่อยเงินกู้ ระยะสั้นดอกเบี้ยต่ำเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายให้กับสมาชิกในครอบครัวและการลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ให้กับสมาชิกที่มีหนี้

สำหรับประเด็นที่ต้องดำเนินการต่อไปเพื่อการแก้ไขปัญหาหนี้สินข้าราชการให้ลุล่วง ประกอบด้วย 1)เร่งปรับปรุงและยกระดับระบบการตัดเงินเดือนเพื่อชำระหนี อาทิ สหกรณ์ต้องกำหนดยอดเงินที่ข้าราชการสามารถกูได้โดยไม่เกินศักยภาพในการชำระคืนจากเงินเดือน กำหนดกติกาว่าหลังหักชำระหนี้ ข้าราชการต้องเหลือเงินเดือนไม่ต่ำกว่า 30 % 2) ร่วมกันกำกับดูแลให้สหกรณ์ออมทรัพย์และสถาบันการเงินให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบ 3)เร่งรัดการออกกฎกระทรวงเพื่อกำกับดูแลสหกรณ์ออมทรัพย์และสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนให้ครบถ้วนตามกฎหมาย โดยครอบคลุมมิติ 1) ปรับลดเพดานอัตราดอกเบี้ยเงินฝากของสหกรณ์ให้ไม่เกิน 3% 2)ศึกษาและแก้ไขกฎเกณฑ์ให้สมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์สามารถนำหุ้นบางส่วนมาใช้ชำระหนี้ได้โดยไม่ต้องลาออกจากการเป็นสมาชิก รวมทั้ง ศึกษาข้อกฎหมายเกี่ยวกับการปรับลดยอดหนี้ โดยการนำรายได้ในอนาคตบางส่วนมาใช้ลดยอดหนี้ และ 3) ยกระดับการกำกับดูแลชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์ ให้มีผู้แทนจากกระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นกรรมการหรือที่ปรึกษา คณะกรรมการที่ปรึกษาการกำกับดูแลสหกรณ์ออมทรัพย์ และสหกรณ์เครดิตยูเนียนเพื่อให้คำแนะนำ เสนอมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหา และจะต้องรายงานให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ทราบ เพื่อความโปร่งใสตรวจสอบได้