รัฐบาลญี่ปุ่นประณามการใช้กำลังเข้าปราบปรามกลุ่มผู้ประท้วงในเมียนมา

รายงานของสำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งองค์การสหประชาชาติรายงานว่าเหตุการณ์ปราบปรามกลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านการทำรัฐประหารในเมียนมามีผู้ประท้วง 18 คนเสียชีวิตและบาดเจ็บกว่า 30 คน เมื่อวันที่ 28 ก.พ.ที่ผ่านมา หลังมีการยิงกระสุนจริงเข้าใส่ฝูงชนที่ออกมาประท้วงตามเมืองต่างๆ รวมถึงเมืองย่างกุ้งด้วย
.
โดยนายคัตสึโนบุ คาโตะ หัวหน้าเลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นในฐานะโฆษกรัฐบาลให้สัมภาษณ์ในช่วงแถลงข่าวว่า การใช้กำลังตอบโต้ผู้ชุมนุมประท้วงด้วยความสงบเป็นสิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้ และเราขอเรียกร้องอย่างถึงที่สุดเพื่อให้กองกำลังรักษาความมั่นคงของเมียนมายุติการใช้ความรุนแรงกับพลเรือนโดยทันที
.
ด้านนายฮิชแชมมุดดิน ฮุสเซน รัฐมนตรีต่างประเทศมาเลเซีย กล่าวว่า สมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ อาเซียน ควรมีบทบาทอย่างสร้างสรรค์ในการแก้ไขวิกฤตการณ์ในเมียนมา
.
พร้อมขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายใช้ความอดกลั้น และหลีกเลี่ยงจากการใช้ความรุนแรง หลังจากมีผู้เสียชีวิตจากการประท้วงการก่อรัฐประหารในเมียนมาถึง 18 รายเมื่อวานนี้
.
“เรามีความกังวลต่อการบาดเจ็บและการสูญเสียชีวิตของผู้บริสุทธิ์ในเมียนมา” นายฮิชแชมมุดดินกล่าวในระหว่างการเดินทางเยือนบูรไน ซึ่งเป็นประธานอาเซียนในปีนี้
.
ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่อาเซียนจะต้องมีการหารืออย่างสร้างสรรค์และตรงไปตรงมากับเมียนมาและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมดเพื่อแสดงให้เห็นว่าอาเซียนมีประสิทธิภาพสอดคล้องกับความคาดหวังของประเทศนอกกลุ่ม และหลีกเลี่ยงการตอบโต้แต่เพียงฝ่ายเดียวที่อาจส่งผลกระทบต่อภูมิภาค
.
ขณะที่ ทนายความของออง ซาน ซูจีเผยต่อสำนักข่าวเอเอฟพีว่า ขณะนี้ซูจีกำลังเผชิญกับข้อหาทางอาญาเพิ่มอีก 2 ข้อหาหลังศาลกรุงเนปิดอว์พิจารณาคดีในวันนี้
.
โดยถูกกล่าวหาว่าละเมิดกฎหมายการสื่อสารรวมถึงปลุกระดมให้เกิดความไม่สงบในพื้นที่สาธารณะ ซึ่งศาลนัดพิจารณาคดีครั้งต่อไปในวันที่ 15 มีนาคม อีกทั้งยังไม่แน่ใจว่าจะต้องเผชิญอีกกี่ข้อหาในช่วงนี้