ราคาข้าวตลาดโลกพุ่งอีกสูงสุดใน 15 ปี เวียดนามกลับลำปิดดีลขายข้าวแพงเป็นประเทศแรก

572
0
Share:
ราคา ข้าว ตลาดโลกพุ่งอีกสูงสุดใน 15 ปี เวียดนาม กลับลำปิดดีลขายข้าวแพงเป็นประเทศแรก

กลุ่มผู้ส่งออกข้าวในประเทศเวียดนาม เปิดเผยว่า ได้ตัดสินใจกลับมาเปิดการเจรจาเสนอซื้อข้าวในตลาดโลกอีกครั้งในปริมาณ 500,000 ตันในราคาที่ปรับสูงขึ้นครั้งใหม่จนกลายเป็นสถิติราคาข้าวแพงสูงสุดในรอบ 15 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2008 เป็นต้นมา ความเคลื่อนไหวของผู้ส่งออกในประเทศเวียดนามดังกล่าว กลายเป็นดีลการเสนอซื้อราคาแพงเป็นประเทศแรกหลังจากรัฐบาลอินเดียประกาศใช้มาตรการห้ามส่งออกข้าวแทบทุกชนิดออกสู่ตลาดโลกเมื่อเดือนกรกฎาคมเป็นต้นมา

นับตั้งแต่อินเดียใช้มาตรการดังกล่าว ส่งผลให้บรรดาผู้ส่งออกข้าวในแถบประเทศของเอเชียต้องเสนอปรับราคาขายข้าวในตลาดโลกสูงขึ้นถึง 20% จากราคาปกติ สถานการณ์ราคาข้าวในตลาดโลกที่มีราคาสูงมากในขณะนี้กลายเป็นแรงกดดันเพิ่มเข้าไปในปัจจัยเสี่ยงของภาวะเงินเฟ้อในราคาอาหารโดยเฉพาะกับประเทศที่ผู้บริโภคข้าวมีความเปราะบางต่อการเคลื่อนไหวของราคาข้าวที่แพงมากในปัจจุบัน เช่น เอเชีย และแอฟริกา ซึ่งเผชิญกับสถานการณ์สต็อกสินค้าเกษตรและอาหารมีปริมาณลดลงมาก ซึ่งได้รับผลกระทบจากการผลิตในประเทศที่ลดลงจากปัจจัยภัยแล้ง

สำหรับดีลการเสนอข้าวในราคาสูงสุดในรอบ 15 ปีครั้งนี้ พบว่า การส่งออกข้าวจากเวียดนามจะแบ่งเป็น 2 ล็อต โดยในเดือนสิงหาคมนี้ จะมีล็อตแรกที่ส่งออกมีปริมาณ 200,000 ตัน ส่วนอีก 300,000 ตัน ยังไม่ระบุเดือนที่ชัดเจน

ราคาข้าวในตลาดโลกที่ทำสถิติสูงในรอบ 15 ปี ทำให้ผู้ส่งออกเวียดนามมีรายได้เพิ่มขึ้นระหว่าง 15-40 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 525-1,400 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบจากราคาข้าวในช่วงก่อนหน้าที่รัฐบาลอินเดียประกาศใช้มาตรการห้ามส่งออกข้าวแทบทุกชนิด ซึ่งทำให้ปริมาณข้าวในตลาดโลกหายไปถึง 10 ล้านตัน โดยอินเดียเป็นประเทศผู้ส่งออกข้าวใหญ่อันดับ 1 ของโลก ด้วยปริมาณข้าวมากถึง 40% ของตลาดโลกมาจากอินเดีย

ทั้งนี้ ราคาข้าวขาว 5% ของไทยในตลาดโลกมีการเสนอราคาขายอยู่ที่ 650-655 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ในขณะที่ข้าวเวียดนามประเภทใกล้เคียงกันกับไทย เสนอราคาอยู่ที่ ที่ 620-630 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ซึ่งก่อนหน้านี้ที่อินเดียประกาศห้ามส่งออกข้าวแทบทุกชนิดนั้น ราคาข้าวขาว 5% ของไทย และราคาข้าวเวียดนามประเภทใกล้เคียงกันกับไทย มีราคาเสนอในตลาดที่ 545 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน และ 515-525 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ตามลำดับ