ราคาทองคำโลกร่วงวันแรกใน 5 วันผ่าน ปิดลงกว่า 10 ดอลลาร์ หลุด 2,039 ดอลลาร์

170
0
Share:
ราคา ทองคำโลก ร่วงวันแรกใน 5 วันผ่าน ปิดลงกว่า 10 ดอลลาร์ หลุด 2,039 ดอลลาร์

ตลาดซื้อขายทองคำโลก นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2023 ตามเวลาในสหรัฐอเมริกา พบว่า ราคาทองคำส่งมอบทันที หรือ Gold Spot ปิดที่ 2,035.79 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ -8.39 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ -0.4% ส่งผลหยุดราคาทองคำปิดขึ้น 5 วันติดกันรวม +53.02 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ +2.70%

ขณะที่ราคาทองคำล่วงหน้า หรือ Gold Future นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ระดับ 2,036.90 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ -8.90 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ -0.5% ส่งผลหยุดราคาทองคำปิดขึ้น 5 วันติดกันรวม 56.50 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ +3.70% ก่อนหน้านึ้ เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายนผ่านมา ราคาทองคำตลาดโลกทำสถิติปิดสูงสุดในรอบเกือบ 7 เดือน หรือตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคมเป็นต้นมา ส่งผลให้ทั้งเดือนพฤศจิกายนผ่านไป ราคาทองคำโลกเพิ่มขึ้น +2.7% นับเป็นเดือนที่ 2 ที่ราคาปิดขึ้น

ทั้งนี้ในเดือนตุลาคม พบว่าราคาทองคำตลาดโลกพุ่งทะยานขึ้นถึง 8% โดยนับตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม ซึ่งเป็นวันแรกที่กลุ่มฮามาสติดอาวุธเปิดฉากโจมตีอิสราเอลจนนำไปสู่สงครามรุนแรงในรอบ 75 ปีของทั้ง 2 ฝ่าย ทำให้ราคาทองคำโลกพุ่งทะยานขึ้นถึง 190.70 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ เนื่องจากราคาทองคำตลาดโลกเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2023 อยู่ที่ระดับ 1,809.50 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ทำสถิติราคาต่ำสุดในรอบ 7 เดือน

เมื่อกลางเดือนเมษายนปี 2023 ผ่านไป ราคาทองคำล่วงหน้ามีราคาปิดสูงสุดในรอบ 1 ปีที่ 2,048.71 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ จากวิกฤตธนาคารเอสวีบี และเอสบี ปิดกิจการและถูกควบคุมโดยทางการสหรัฐอเมริกา

ย้อนกลับไปในปี 2022 ผ่านไปเมื่อเดือนมีนาคม พบว่าราคาทองคำล่วงหน้ามีราคาสูงสุดระหว่างวันขึ้นไปถึง 2,072.49 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์

สาเหตุจาก ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าต่อเนื่อง แต่ในแง่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐรายเดือน พบว่าทำสถิติย่ำแย่ที่สุดในรอบปีนี้ นอกจากนี้ ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกาอายุ 10 ปี ร่วงลงต่ำกว่าระดับ 4.3% ต่อเนื่อง ทำสถิติเป็นครั้งแรกในรอบ 2 เดือน ซึ่งเป็นผลจากการประเมินแนวโน้มรอบการปรับขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐอาจจบสิ้นแล้ว

ขณะที่ ตัวชี้วัดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่เรียกว่า เฟดวอช์ท พบว่า โอกาสไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นในการประชุมสิ้นเดือนธันวาคมนี้อยู่ที่ 100% จากเดิมที่โอกาสไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นอยู่ที่ 91% ขณะเดียวกัน โอกาสเริ่มปรับลดดอกเบี้ยระยะสั้นของเฟดในการประชุมเดือนมีนาคม ปี 2024 อยู่ที่ 50% จากเดิมเคยมองว่ามีโอกาสถึง 80% จะเริ่มลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือนพฤษภาคม