ราคาน้ำดิบตลาดโลกในตลาดเอเชียถูกเทขายร่วงหลุด 79 ดอลลาร์

371
0
Share:

น้ำมันดิบร่วง! ราคาน้ำดิบตลาดโลกในตลาดเอเชียถูกเทขายร่วงหลุด 79 ดอลลาร์ หายไป 2 ดอลลาร์ในรอบเกือบ 48 ชั่วโมงผ่านมา
.
วันนี้ 29 กันยายน 2564 ตลาดซื้อขายสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าในตลาดเอเชียเช่าววันนี้ พบว่า นักลงทุนเทขายสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าต่อเนื่องจากเมื่อคืนที่ผ่านมา เมื่อเวลา 8.30 น. (เวลาไทย) ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ เคลื่อนไหวที่ 74.27 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -1.02 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -0.2% ด้านราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 78.06 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -1.03 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -1.3% ทั้งหมดเทียบกับราคาปิดตลาดที่สหรัฐ และอังกฤษในคืนที่ผ่านมา
.
ก่อนหน้านี้เมื่อวันอังคารที่ 28 กันยายน ราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ มีราคาพุ่งสูงที่ 80.75 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ทำสถิติสูงสุดในรอบเกือบ 3 ปี หรือนับตั้งแต่ตุลาคม 2018
.
ในขณะที่เมื่อคืนที่ผ่านมา ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 75.29 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -0.16 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -0.21% โดยในช่วงระหว่างการซื้อขาย ราคาพุ่งทำสถิติที่ 76.67 ดอลลาร์สหรัฐ เป็นราคาสูงสุดรอบ 2 เดือน หรือตั้งแต่กรกฎาคมที่ผ่านมา ด้านราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 79.09 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -0.44 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -0.55% โดยมีราคาสูงสุดระหว่างวันพุ่งกว่า 81 ดอลลาร์สหรัฐ ทำสถิติสูงสุดในรอบ 3 ปี นับตั้งแต่ต้นปีนี้ ราคาน้ำมันดิบทั้ง 2 แห่งมีราคาพุ่งขึ้นกว่า 50%
.
สาเหตุจากการทำกำไรระยะสั้นหลังจากราคาน้ำมันดิบตลาดโลกพุ่งขึ้นสูงในรอบหลายปี และปรับเพิ่มขึ้นถึง 5 วันติดต่อกัน ท่ามกลางปัจจัยบวกที่ยังคงหนุนส่งราคาน้ำมันดิบให้เพิ่มสูงต่อเนื่อง ได้แก่ ในสัปดาห์ที่ผ่านไป ปริมาณสำรองน้ำมันดิบรายสัปดาห์ในสหรัฐอเมริกาที่ลดลงมากถึง 3.5 ล้านบาร์เรล เหลือเพียง 414 ล้านบาร์เรล ทำสถิติต่ำสุดในรอบ 3 ปี ผลกระทบจากการฟื้นตัวของกำลังการผลิตน้ำมันดิบของบริษัทผลิตน้ำมันดิบรายใหญ่จากอ่าวเม็กซิโก ซึ่งต้องรอถึงต้นปี 2565 การกลับมาเปิดเศรษฐกิจของหลายประเทศในอเมริกาเหนือ ยุโรป และเอเชีย หลังจากเร่งฉีดวัคซีนให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ ราคาก๊าซธรรมชาติในตลาดโลกพุ่งสูงขึ้นในรอบ 7.5 ปี นอกจากนี้ยังมีราคาสูงถึง 40% ในเดือนกันยายนนี้ด้วย และนักลงทุนรอการประชุมของกลุ่มโอเปกพลัสในสัปดาห์หน้าเกี่ยวกับความชัดเจนในกำลังการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปกพลัส