ราคาน้ำมันดิบโลกปิดพุ่งเกิน 3% ดันราคาปิดเหนือ 76 ดอลล์ รวมขึ้น 2 วันติดกว่า 3 ดอลล์

ตลาดซื้อขายน้ำมันดิบ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2023 ที่ผ่านไป พบว่า ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 71.58 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +2.11 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +3% ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบปิดขึ้น 2 วันติดกันรวม 2.97 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +4.3%

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2565 มีราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ สหรัฐอเมริกา พุ่งขึ้นสูงสุดที่ 130.50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ที่สูงสุดนับตั้งแต่กันยายน 2008 หรือในรอบ 13 ปี 5 เดือน

ด้านราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 76.61 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +2.35 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +3.2% ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบปิดขึ้น 2 วันติดกันรวม +3.37 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +4.6%

ในปี 2022 ผ่านไปราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ มีราคาสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2008 หรือในรอบ 13 ปี 7 เดือน โดยเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 มีขึ้นมาสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 139.13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

สาเหตุจากสำนักงานพลังงานสากล หรือไออีเอ เปิดเผยแนวโน้มความต้องการใช้น้ำมันดิบทั่วโลกในปีหน้า 2024 พบว่า มีความต้องการพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วและมากขึ้นถึงวันละ 1.1 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าเดิมที่คาดการณ์ไว้อีกวันละ 130,000 บาร์เรล สาเหตุจากเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกามีความยืดหยุ่นสูงที่สามารถปรับตัวให้ชะลอตัวลงอย่างนิ่มนวล และราคาน้ำมันดิบในภาพรวมที่มีแนวโน้มลดต่ำลง ขณะที่เมื่อวันพุธผ่านมา สำนักงานบริหารจัดการข้อมูลพลังงานแห่งชาติ สหรัฐอเมริกา หรืออีไอเอ เปิดเผยว่า เปิดเผยว่า บริษัทพลังงานในสหรัฐอเมริกาทำการเบิกใช้น้ำมันดิบปริมาณมากถึง 4.3 ล้านบาร์เรลจากคลังสำรองน้ำมันดิบของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นปริมาณที่สูงกว่าคาดหมาย

ด้านค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงต่อเนื่องอีกทำสถิติอ่อนค่าต่ำสุดในรอบ 4 เดือน หลังจากประธานธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือเฟด กล่าวว่ารอบการขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นถึงจุดสิ้นสุด และส่งสัญญาณพร้อมลงดอกเบี้ยในปี 2024 นอกจากนี้ เรือขนส่งน้ำมันดิบในทะเลแดงที่อยู่ห่างชายฝั่งประเทศเยเมนเกิดไฟลุกไหม้จากการยิงโจมตีของกลุ่มกบฏในเยเมน ส่งผลต่อความไม่ปลอดภัยในการขนส่งน้ำมันดิบผ่านช่องทางนี้

เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2023 กลุ่มโอเปกพลัสมีมติเห็นตรงกันให้ขยายเวลามาตราลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบของทั้งกลุ่มต่อไป รวมถึงให้ลดปริมาณการผลิตน้ำมันลงอีก ส่งผลปริมาณการผลิตน้ำมันดิบลดลงวันละ 2.2 ล้านบาร์เรล มีผลตั้งแต่ไตรมาสที่ 1 ใน 2024 เป็นต้นไป อย่างไรก็ตาม ปริมาณดังกล่าวน้อยกว่าที่ตลาดคาดไว้ว่าจะลดการผลิตลงวันละมากกว่า 2-3 ล้านบาร์เรล

อย่างไรก็ตาม กลุ่มโอเปกพลัสประเมินความต้องการใช้น้ำมันดิบทั่วโลกในปี 2024 เพิ่มขึ้นจากภาวะเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาและจีนจะขยายตัวขึ้น ทำให้ปัจจัยพื้นฐานของราคาน้ำมันดิบยังคงแข็งแกร่ง แต่การที่ราคาน้ำมันดิบร่วงตกต่ำเนื่องจากเกิดภาวะเทขายราคาน้ำมันดิบมากเกินราคาแท้จริง