ราคาน้ำมันดิบในเอเชียเช้านี้ดีดกลับเกือบ 1 ดอลลาร์ ขึ้นเหนือกว่า 100 ดอลลาร์

347
0
Share:

วันนี้ 15 มีนาคม 2565 เวลา 9.20 น. (เวลาไทย) ตลาดซื้อขายสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าในเอเชีย ที่ประเทศสิงคโปร์ รายงานว่า เปิดตลาดซื้อขายพบว่าราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ เคลื่อนไหวที่ 97.02 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +0.58 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ +0.6% สอดคล้องกับ ราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ เคลื่อนไหวที่ 100.74 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +0.83 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +0.8%

สาเหตุจาก การเยือนของผู้นำสูงสุดในประเทศยุโรปหลายแห่งเข้าไปในประเทศยูเครน เป็นการส่งสัญญาณชัดเจนถึงการสนับสนุนประเทศยูเครน นอกจากนี้ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาเตรียมเดินทางไปยังยุโรปเพื่อร่วมประชุมกับกลุ่มนาโต้ นักลงทุนจึงประเมินว่าสถานการณ์สงครามรัสเซียกับยูเครนกำลังเผชิญความรุนแรงครั้งใหม่

ขณะที่เมื่อคืนที่ผ่านมา 15 มีนาคม 2565 ตลาดซื้อขายสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า นิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา รายงานว่า ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 96.44 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -6.57 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ -6.38% ในช่วงระหว่างการซื้อขายราคาร่วงระนาวลงไปต่ำสุดระหว่างวันที่ 93.53 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือทรุดหนัก -8.75% ก่อนหน้านี้ ในช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านไป มีราคาพุ่งขึ้นสูงสุดที่ 130.50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ที่สูงสุดนับตั้งแต่กันยายน 2008 หรือในรอบ 13 ปี 5 เดือน

ด้านราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 99.91 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -6.99 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -6.54% ในช่วงระหว่างการซื้อขายราคาร่วงระนาวลงไปต่ำสุดระหว่างวันที่ 97.44 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือทรุดหนัก -8.73% ก่อนหน้านี้ ราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ มีราคาสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2008 หรือในรอบ 13 ปี 7 เดือน โดยเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 มีขึ้นมาสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 139.13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล
สำหรับในสัปดาห์ที่ผ่านไป ราคาน้ำมันดิบทั้ง 2 แห่งร่วงระนาวถึง -5.7% และ -4.8% ตามลำดับ ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบทั้ง 2 แห่งในแง่รายสัปดาห์ ทำสถิติปิดร่วงลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2564 หรือในรอบ 4 เดือน

สาเหตุจากรัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่ประกาศมาตรการปิดล็อกดาวน์เมืองขนาดใหญ่ทางเศรษฐกิจหลายแห่ง เช่น เซี่ยงไฮ้ เสิ่นเจิ้น เป็นต้น หลังพบการระบาดของโรคโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา สร้างความกังวลการใช้น้ำมันดิบลดลง ขณะที่นักลงทุนติดตามผลการเจรจาระหว่างรัสเซียกับยูเครนในรอบที่ 4 รวมถึงรอผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาในการขึ้นดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 2 ปี ซึ่งจะประกาศในวันพุธตามเวลาสหรัฐอเมริกา