ราคาน้ำมันส่อแววแพงขึ้นอีก หลังตลาดโลกพุ่งรับจีนกระตุ้นเศรษฐกิจ โดย 2 เดือนที่ผ่านมา

159
0
Share:
ราคาน้ำมัน ส่อแววแพงขึ้นอีก หลังตลาดโลกพุ่งรับจีนกระตุ้นเศรษฐกิจ โดย 2 เดือนที่ผ่านมา

ผู้ค้าน้ำมันเตรียมปรับขึ้นราคากลุ่มเบนซินอีก หลังราคาน้ำมันดิบขยับขึ้นต่อเนื่อง โดยตั้งแต่ต้นเดือน มิ.ย. – 25 ก.ค. 66 ราคาน้ำมันในไทยสะท้อนตลาดโลกปรับเปลี่ยน 19 ครั้ง รวมแล้วกลุ่มเบนซิน-แก๊สโซฮอล์ขึ้นราคารวม 2.80 บาท/ลิตร

ขณะที่กลุ่มดีเซล ราคาไม่เปลี่ยนแปลงที่ประมาณ 32 บาท/ลิตร แม้จะขึ้นภาษีน้ำมัน 5 บาท/ลิตร ตั้งแต่ 21 ก.ค. 66 เนื่องจากกองทุนน้ำมันได้ลดจากการจัดเก็บเดิม 4.04 บาท/ลิตร และเพิ่มการอุดหนุน 1.59 บาท/ลิตร ทำให้ กองทุนฯ ไหลออกต่อวันเฉพาะดูแลดีเซลราว 110 ล้านบาท หรือเดือนละ 3,300 ล้านบาท หากราคาน้ำมันยังอยู่ในระดับนี้ต่อเนื่อง

ซึ่งล่าสุดราคาดีเซลสิงคโปร์ วานนี้ ขึ้นราคากว่า 2 ดอลลาร์สหรัฐ อยู่ที่ ประมาณ 105 ดอลลาร์/บาร์เรล ราคาน้ำมันดีเซลปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังอุปสงค์จีนมีแนวโน้มปรับสูงขึ้นจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ

ด้าน บมจ.ไทยออยล์ รายงานว่าสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ย. เพิ่มขึ้น 1.67 ดอลลาร์ หรือ 2.1% ปิดที่ 78.74 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดในรอบเกือบ 3 เดือนหรือนับตั้งแต่วันที่ 24 เม.ย. 66 ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือน ก.ย. เพิ่มขึ้น 1.67 ดอลลาร์ หรือ 2.1% ปิดที่ 82.74 ดอลลาร์/บาร์เรลซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 19 เม.ย. 2566

ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มต่อเนื่อง หลังอุปทานน้ำมันดิบจากซาอุดีอาระเบียและรัสเซียมีแนวโน้มลดลง โดยซาอุดีอาระเบียขยายเวลาในการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันด้วยความสมัครใจจำนวน 1 ล้านบาร์เรลต่อวันออกไปจนถึงสิ้นเดือน ส.ค. 66 ขณะที่รัสเซียจะลดการส่งออกน้ำมันจำนวน 500,000 บาร์เรลต่อวันในเดือน ส.ค. 66 เช่นกัน ซึ่งจะส่งผลรวมกันให้ปริมาณน้ำมันในตลาดโลกลดลงราว 1.5%

อุปสงค์น้ำมันในตลาดโลกมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้น หลังจีนเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ครอบคลุมถึงการฟื้นฟูอุปสงค์และการบริโภคภายในประเทศ โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริม ยกระดับ และกระตุ้นการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของภาคเอกชน เพิ่มการสนับสนุนด้านการเงินแก่โครงการต่างๆ ของเอกชนด้วย โดย NDRC ต้องการดึงดูดเงินทุนจากภาคเอกชนให้เข้ามามีส่วนในการก่อสร้างโครงการสำคัญระดับชาติมากขึ้น โดยเปิดโอกาสให้เอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในภาคส่วนต่างๆ ตั้งแต่การขนส่ง ประปา พลังงานสะอาด โครงสร้างพื้นฐานแบบใหม่สำหรับการผลิตขั้นสูง และเกษตรกรรมสมัยใหม่ ซึ่งจะมีการเปิดเผยรายละเอียดในภายหลัง

ราคาน้ำมัน, เบนซิน, ดีเซล, ราคาน้ำมันดิบ, BTimes, What’s Up, ข่าวอัปเดต
Jul 25, 2023 จ่อแพง! ราคาน้ำมันส่อแววแพงขึ้นอีก หลังตลาดโลกพุ่งรับจีนกระตุ้นเศรษฐกิจ โดย 2 เดือนที่ผ่านมา กลุ่มเบนซินขยับขึ้นแล้ว 2.80 บาท ดีเซล กบน. ยังอุ้ม

ผู้ค้าน้ำมันเตรียมปรับขึ้นราคากลุ่มเบนซินอีก หลังราคาน้ำมันดิบขยับขึ้นต่อเนื่อง โดยตั้งแต่ต้นเดือน มิ.ย. – 25 ก.ค. 66 ราคาน้ำมันในไทยสะท้อนตลาดโลกปรับเปลี่ยน 19 ครั้ง รวมแล้วกลุ่มเบนซิน-แก๊สโซฮอล์ขึ้นราคารวม 2.80 บาท/ลิตร

ขณะที่กลุ่มดีเซล ราคาไม่เปลี่ยนแปลงที่ประมาณ 32 บาท/ลิตร แม้จะขึ้นภาษีน้ำมัน 5 บาท/ลิตร ตั้งแต่ 21 ก.ค. 66 เนื่องจากกองทุนน้ำมันได้ลดจากการจัดเก็บเดิม 4.04 บาท/ลิตร และเพิ่มการอุดหนุน 1.59 บาท/ลิตร ทำให้ กองทุนฯ ไหลออกต่อวันเฉพาะดูแลดีเซลราว 110 ล้านบาท หรือเดือนละ 3,300 ล้านบาท หากราคาน้ำมันยังอยู่ในระดับนี้ต่อเนื่อง

ซึ่งล่าสุดราคาดีเซลสิงคโปร์ วานนี้ ขึ้นราคากว่า 2 ดอลลาร์สหรัฐ อยู่ที่ ประมาณ 105 ดอลลาร์/บาร์เรล ราคาน้ำมันดีเซลปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังอุปสงค์จีนมีแนวโน้มปรับสูงขึ้นจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ

ด้าน บมจ.ไทยออยล์ รายงานว่าสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ย. เพิ่มขึ้น 1.67 ดอลลาร์ หรือ 2.1% ปิดที่ 78.74 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดในรอบเกือบ 3 เดือนหรือนับตั้งแต่วันที่ 24 เม.ย. 66 ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือน ก.ย. เพิ่มขึ้น 1.67 ดอลลาร์ หรือ 2.1% ปิดที่ 82.74 ดอลลาร์/บาร์เรลซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 19 เม.ย. 2566

ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มต่อเนื่อง หลังอุปทานน้ำมันดิบจากซาอุดีอาระเบียและรัสเซียมีแนวโน้มลดลง โดยซาอุดีอาระเบียขยายเวลาในการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันด้วยความสมัครใจจำนวน 1 ล้านบาร์เรลต่อวันออกไปจนถึงสิ้นเดือน ส.ค. 66 ขณะที่รัสเซียจะลดการส่งออกน้ำมันจำนวน 500,000 บาร์เรลต่อวันในเดือน ส.ค. 66 เช่นกัน ซึ่งจะส่งผลรวมกันให้ปริมาณน้ำมันในตลาดโลกลดลงราว 1.5%

อุปสงค์น้ำมันในตลาดโลกมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้น หลังจีนเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ครอบคลุมถึงการฟื้นฟูอุปสงค์และการบริโภคภายในประเทศ โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริม ยกระดับ และกระตุ้นการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของภาคเอกชน เพิ่มการสนับสนุนด้านการเงินแก่โครงการต่างๆ ของเอกชนด้วย โดย NDRC ต้องการดึงดูดเงินทุนจากภาคเอกชนให้เข้ามามีส่วนในการก่อสร้างโครงการสำคัญระดับชาติมากขึ้น โดยเปิดโอกาสให้เอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในภาคส่วนต่างๆ ตั้งแต่การขนส่ง ประปา พลังงานสะอาด โครงสร้างพื้นฐานแบบใหม่สำหรับการผลิตขั้นสูง และเกษตรกรรมสมัยใหม่ ซึ่งจะมีการเปิดเผยรายละเอียดในภายหลัง