ราคาโกโก้ยังคงพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปรับตัวขึ้นกว่า 700 ดอลลาร์ต่อตันในวันเดียว จนทะลุระดับ 9,000 ดอลลาร์ต่อตันเป็นครั้งแรก อันเนื่องมาจากปัญหาอุปทานขาดแคลน
โดยล่าสุด สัญญาซื้อขายล่วงหน้าในตลาดนิวยอร์กปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 4 หลังมีข่าวเกี่ยวกับปัญหาด้านเงินทุนในกานา ซึ่งเป็นผู้ผลิตโกโก้รายใหญ่อันดับ 2 ของโลก
ทั้งนี้ กานาส่อแววสูญเสียแหล่งเงินทุนสำคัญ เนื่องจากวิกฤตการผลิตโกโก้ทำให้มีปริมาณเมล็ดโกโก้ไม่เพียงพอที่จะขอรับเงินทุน โดยคณะกรรมการโกโก้ของกานา (Cocobod) ต้องพึ่งพาเงินทุนจากต่างชาติในการซื้อเมล็ดโกโก้จากเกษตรกร
ราคาโกโก้ปรับตัวขึ้นราว 60% ในเดือนนี้เดือนเดียว และพุ่งขึ้นเป็นสองเท่าแล้วในปีนี้ โดยสภาพอากาศที่ย่ำแย่และโรคพืชทำให้เก็บเกี่ยวผลผลิตได้น้อยในแอฟริกาตะวันตก ซึ่งเป็นภูมิภาคที่มีการปลูกโกโก้มากที่สุดในโลก ส่วนสถานการณ์ในภูมิภาคอื่นๆ ก็ไม่สู้ดีเช่นกัน ส่งผลให้อุตสาหกรรมต้องเผชิญกับความยากลำบาก
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ขณะนี้ราคาโกโก้แพงยิ่งกว่าทองแดง ซึ่งเป็นโลหะสำคัญในอุตสาหกรรม และราคาโกโก้กำลังมุ่งหน้าสู่ระดับ 10,000 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับที่ไม่มีใครเคยคาดคิดมาก่อน
ทั้งนี้ ราคาโกโก้ที่พุ่งสูงขึ้นจะส่งผลให้ต้นทุนการผลิตช็อกโกแลตสูงขึ้นตลอดทั้งปี โดยช็อกโกแลตรูปไข่สำหรับเทศกาลอีสเตอร์มีราคาแพงขึ้นแล้ว ขณะที่ผู้ผลิตบางรายต้องลดขนาดช็อกโกแลตแท่ง หรือใช้ส่วนผสมอื่นๆ เพิ่มเติม เพื่อบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้น