ร้านสะดวกซื้อ “ถูกดี มีมาตรฐาน” แจงเจ้าของร้านคู่ค้ามีปัญหาโอนเงินล่าช้าถึง 80 ครั้ง

364
0
Share:
ร้านสะดวกซื้อ “ถูกดี มีมาตรฐาน” แจงเจ้าของร้านคู่ค้ามีปัญหาโอนเงินล่าช้าถึง 80 ครั้ง

นายเสถียร เสถียรธรรมะ ประธานกรรมการ บริษัท ทีดี ตะวันแดง กล่าวชี้แจง กรณีโซเชียลโจมตีเรื่องการบริหารจัดการร้าน “ถูกดี มีมาตรฐาน” โดยระบุว่า ปัจจุบันร้านถูกดี มีมาตรฐาน มีทั้งหมดมากกว่า 5,000 ร้านค้า โดยรูปแบบการดำเนินธุรกิจระหว่างบริษัทฯ และผู้ดำเนินการร้านค้า

บริษัทฯ จะเป็นผู้ลงทุนให้ในส่วนของสินค้าทุกชนิด และอุปกรณ์ทั้งหมดภายในร้าน ได้แก่ ชั้นวางสินค้า ตู้เย็น เครื่องคิดเงินอัตโนมัติ หรือ POS ป้ายสินค้า กล้องวงจรปิด ระบบที่ใช้ในการดำเนินการร้านค้า ซึ่งรวมมูลค่าต่อร้านค้าเกือบ 1 ล้านบาท

ส่วนทางผู้ดำเนินการต้องลงทุนในส่วนของการปรับปรุงร้านค้าให้ได้ตามมาตรฐาน และเงินค้ำประกันสัญญา 2 แสนบาท ซึ่งรูปแบบธุรกิจนี้เกิดขึ้นมาจากการที่บริษัทต้องการที่จะแก้ปัญหาของร้านโชห่วยส่วนใหญ่ในประเทศที่มีเงินทุนในการซื้อสินค้าจำกัด จึงได้เป็นผู้ออกทุนในส่วนนี้เอง

อย่างไรก็ตาม ผู้ดำเนินการร้านถูกดี มีมาตรฐานกว่า 5,000 ราย นั้นทราบดีว่า สินค้าและอุปกรณ์ในร้านค้า เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทฯ เมื่อขายสินค้าได้ ผู้ดำเนินการมีหน้าที่นำส่งรายได้จากการขายสินค้าให้บริษัทฯ ในวันทำการธนาคารถัดไป

ในขณะที่เปิดดำเนินการร้านค้าร่วมกัน ผู้ดำเนินการยินยอมให้บริษัทฯ ส่งเจ้าหน้าที่เพื่อเข้าไปนับสต๊อกสินค้า หากมีสินค้าสูญหาย ทางผู้ดำเนินการจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งผู้ดำเนินการทุกรายเข้าใจและปฏิบัติเป็นปกติมาตลอด

ส่วนในกรณีที่ผู้ดำเนินการไม่นำส่งรายได้ บริษัทจะมีการทวงถาม และเมื่อยังไม่นำส่งรายได้ในส่วนที่ขายเข้ามาเกินกว่า 3 วัน ทางบริษัทจะหยุดส่งสินค้า
หากเกินกว่า 4 วัน บริษัทจะส่งจดหมายแจ้งเตือนให้ชำระเงินภายใน 3 วันทำการ

หากไม่มีการชำระเงินเข้ามา บริษัทฯ จะยกเลิกสัญญาทันที รวมถึงนัดหมายเพื่อทำการขนย้ายอุปกรณ์และสินค้าของบริษัทฯ ทั้งหมดออกจากร้านค้า

สำหรับกรณีที่การเผยแพร่ข้อมูลผ่านโซเชียลมีเดียเกี่ยวกับการบริหารจัดการร้านถูกดี มีมาตรฐาน ยกตัวอย่างเช่น กรณีร้านค้าที่เชียงราย ทางผู้ดำเนินการได้เปิดร้านกับถูกดี ในวันที่ 14 ส.ค. 2565 หลังจากเปิดดำเนินการ ทางร้านค้ามีการโอนเงินล่าช้าอย่างต่อเนื่องมากกว่า 80 ครั้ง จาก 130 ครั้ง

เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2565 ทีมนับสต๊อกของบริษัทได้เข้าตรวจนับสต๊อก และพบว่า มียอดสินค้าสูญหายสูงกว่าส่วนแบ่งรายได้ ทางบริษัทจึงนำรายได้ของร้านค้ามาหักชำระค่าสินค้าสูญหายก่อน ซึ่งไม่พอชำระ ทำให้ไม่มีเงินรายได้ของร้านค้าเหลือให้โอนไปตามกำหนด

ทั้งนี้ ทางบริษัทจึงได้ดำเนินการตามขั้นตอน พร้อมทั้งยกเลิกสัญญาพร้อมทำนำอุปกรณ์ต่างๆ ที่เป็นของบริษัทออกจากร้านของคู่ค้า แต่ไม่สามารถขนสินค้าและทรัพย์สินของบริษัทฯ ออกมาได้ บริษัทฯ จึงจำเป็นที่จะต้องแจ้งความผู้ดำเนินการในข้อหายักยอก ซึ่งต้องมีพยานหลักฐานเพียงพอ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงจะดำเนินการให้ โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกหมายเรียกผู้ดำเนินการรายนี้แล้ว

ส่วนกรณีที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งลงข้อความโจมตีบริษัทฯ ให้เสื่อมเสียชื่อเสียงมาตลอด ตั้งแต่เดือน ส.ค. 65 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ขอแจ้งให้ทราบว่าบุคคลนี้ ไม่มีความเกี่ยวข้องกับบริษัทฯ ไม่เคยเป็นพาร์ตเนอร์ถูกดี และข้อความที่ปรากฏอยู่บนเฟซบุ๊ก ไม่เป็นความจริงโดยบริษัทฯ ได้ทำการแจ้งความในข้อหาหมิ่นประมาทฯ และนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ไปแล้วถึง 2 ครั้ง

ทั้งนี้ จากการสืบสวนเบื้องต้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจ พบข้อมูลที่สอดคล้องกับการตรวจสอบของบริษัทฯ ว่า ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายนี้ ไม่มีตัวตนอยู่จริง เป็นเพจอวตาร มีการนำรูปบุคคลอื่นมาเป็นรูปโปรไฟล์ของตนเอง และกระจายข่าวอันเป็นเท็จ เพื่อทำให้บุคคลอื่นเสื่อมเสีย จึงขอให้ทุกท่านอย่าหลงเชื่อกับข้อความอันเป็นเท็จของผู้ใช้เฟซบุ๊กรายนี้