ลด 2 เจ้าแรก! 1 ตุลาคม คนไทยได้ซื้อมาม่า-ยำยำ ถูกลง 7-30% วอนรัฐเห็นใจช่วยเหลือบ้าง

174
0
Share:
ลด 2 เจ้าแรก! 1 ตุลาคม คนไทยได้ซื้อ มาม่า - ยำยำ ถูกลง 7-30% วอนรัฐเห็นใจช่วยเหลือบ้าง

นายพันธ์ พะเนียงเวทย์ ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยี่ห้อมาม่า กล่าวว่า นโยบายของรัฐบาลที่ผลักดันการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำวันละ 400 บาทในปี 2567 ทำให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มสูงขึ้น แต่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเป็นสินค้าควบคุม จึงไม่สามารถจะขึ้นราคาได้อย่างง่ายๆ

อย่างไรก็ตาม บริษัทได้ตัดสินใจจัดช่วงเวลาทำโปรโมชั่นด้วยการลดราคามาม่า 10-20% ผ่านทุกช่องทางขายทั้งร้านค้าปลีก และห้างสรรพสินค้า รวมเป็นระยะเวลานาน 3 เดือน โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมถึงสิ้นเดือนธันวาคมปีนี้ การจัดโปรโมชั่นลดราคามาม่าเพื่อช่วยลดค่าครองชีพให้กับประชาชน

สอดคล้องกับนางชินานันท์ บุญศิริยะ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด กลุ่มธุรกิจในและต่างประเทศ บริษัท วันไทยอุตสาหกรรมการอาหาร จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยี่ห้อยำยำ กล่าวว่า บริษัทตัดสินใจจะลดราคายำยำจัมโบ้จากราคาปัจจุบันระหว่าง 7-30% ทุกขนาดทั้งแบบซอง เป็นแพ็ค 5 ซอง และแพ็ค 10 ซอง รวมถึงแบบถ้วยคัพ มีผลวันที่ 1 ตุลาคมถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2566 นี้ เพื่อต้องการลดค่าครองชีพของประชาชน และเป็นการคืนกำไรให้กับผู้บริโภคด้วย

สำหรับประเด็นค่าแรงวันละ 400 บาทที่จะประกาศปรับขึ้นในปีหน้านั้น บริษัทยอมรับว่ามีความกังวลอย่างมากต่อเรื่องดังกล่าว เมื่อบริษัทได้ให้ความร่วมมือกับภาครัฐในการลดราคาสินค้าในครั้งนี้ จึงอยากให้รัฐบาลออกมาตรการมาช่วยเหลือทางผู้ประกอบการบ้าง หากรัฐบาลต้องขึ้นค่าแรงจริงๆ

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2565 เป็นวันที่กลุ่มผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ได้แก่ ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์เจ้าของยี่ห้อมาม่า โรงงานผลิตภัณฑ์อาหารไทย เจ้าของยี่ห้อไวไว และวันไทยอุตสาหกรรมการอาหาร เจ้าของยี่ห้อยำยำ ได้รับอนุญาตให้ปรับขึ้นราคาขายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเป็นครั้งแรกในรอบ 14 ปี โดยร้องขอให้กระทรวงพาณิชย์ พิจารณาปรับขึ้นราคาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ขึ้น 2 บาทต่อซอง จากเดิมซองละ 6 บาท เป็น 8 บาทต่อซอง แต่กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์อนุมัติให้ 3 บริษัท ขึ้นราคาได้ซองละไม่เกิน 1 บาท

ทั้งนี้ การประกาศลดราคาขายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปของทั้ง 2 ยี่ห้อดังกล่าวนั้น ถือเป็นการลดราคาขายครั้งแรกในรอบ 1 ปีเศษ หรือตั้งแต่เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2565 เป็นต้นมา หลังจากไม่ได้ปรับขึ้นราคามาเป็นเวลานานถึง 14 ปี