ลุ้นจ้างงาน! ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดร่วงกว่า 140 จุด น้ำมันดิบโลกปิดหลุด 95 ดอลลาร์

238
0
Share:
ลุ้นจ้างงาน! ดัชนี หุ้น ดาวโจนส์ ปิดร่วงกว่า 140 จุด น้ำมันดิบโลกปิดหลุด 95 ดอลลาร์

เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2565 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 32,001 จุด -145 จุด หรือ -0.46% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 3,739 จุด -39 จุด หรือ -1.06% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ระดับ 10.342 จุด -181 จุด หรือ -1.73% ส่งผลให้ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่งปิดร่วงลงเป็นวันที่ 4 ติดต่อกัน

สาเหตุจากนักลงทุนรอรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนตุลาคมในสหรัฐอเมริกาที่จะประกาศในวันศุกร์นี้ตามเวลาในสหรัฐอเมริกา ซึ่งคาดว่าจะมีจำนวน 205,000 คน และอัตราว่างงานในเดือนเดียวกันถูกคาดว่าจะอยู่ที่ 3.5%

นักลงทุนกลับมากังวลมากขึ้น และหมดหวังที่จะเห็นการชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นหลังการประชุมในคืนผ่านมาตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์ก่อนหน้านี้ เนื่องจากประธานธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือเฟด นายเจอโรม พาวเวลล์ กล่าวแถลงชัดเจนว่า ยังไม่ถึงเวลาที่จะพูดถึงการชะลอปรับขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้น และอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวดูเหมือนว่าจะสูงขึ้นมากกว่าที่เคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ การประชุมตัดสินใจเกี่ยวกับดอกเบี้ยระยะสั้นยังคงมีเส้นทางที่ต้องดำเนินการต่อไป นอกจากนี้ ข้อมูลที่กำลังมาเรื่อยๆนั้น นับตั้งแต่การประชุมครั้งสุดท้ายก่อนจะถึงคืนผ่านมา ได้บอกให้รู้ว่า อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นสุดท้ายจะเพิ่มสูงขึ้นมากกว่าที่คาดการณ์ไว้

นอกจากนี้ รายงานการจ้างงานภาคเอกชนเดือนตุลาคมในสหรัฐอเมริกา พบว่า มีการจ้างงานที่เพิ่มสูงขึ้นมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ทั้งๆที่เฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นสูงถึง 400% ภายใน 9 เดือนผ่านมา โดยตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้นถึง 239,000 คน ซึ่งสูงกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นที่ 200,000 คน และยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากกันยายนที่ปรับปรุงตัวเลขใหม่ที่ 192,00 คน ก่อนหน้าถึงวันประชุมเฟดในวันแรกเพียง 1 วัน ยังพบว่า รายงานตำแหน่งงานเปืดรับใหม่เดือนกันยายนในสหรัฐอเมริกาพุ่งสูงถึง 10.7 ล้านตำแหน่ง โดยมีตำแหน่งเปิดรับทุกๆคนว่างงานจำนวน 1-2 ตำแหน่ง สอดคล้องกับค่าจ้างรายชั่วโมงเดือนตุลาคมพุ่งขึ้น 7.7% ในเดือนตุลาคม

ตลาดหุ้นนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกาในเดือนตุลาคมที่ผ่านไป พบว่าดัชนีหุ้นดาวโจนส์พุ่งทะยานสูงถึง 13.95% ทำสถิติดีที่สุดรายเดือนในรอบ 46 ปี 9 เดือน หรือตั้งแต่ปี 1976 ในยุคประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกานายโรนัลด์ เรแกน เป็นต้นมา ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนตุลาคมในหลายปีผ่านมา พบว่าเป็นดัชนีหั่นดาวโจนส์เดืตุลาคมที่ดีที่สุดในรอบ 126 ปี หรือนับตั้งแต่เริ่มก่อตั้งดัชนีหุ้นดาวโจนส์เมื่อปี 1896 เป็นต้นมา ขณะที่ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 และนาสแดคปิดขึ้น 8% และ 3.9% ตามลำดับ

ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 88.17 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -1.83 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -2.00% ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2565 มีราคาพุ่งขึ้นสูงสุดที่ 130.50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ที่สูงสุดนับตั้งแต่กันยายน 2008 หรือในรอบ 13 ปี 5 เดือน

ด้านราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 94.67 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -1.49 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -1.50% ก่อนหน้านี้ ราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ มีราคาสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2008 หรือในรอบ 13 ปี 7 เดือน โดยเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 มีขึ้นมาสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 139.13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

สาเหตุจากรัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่ประกาศชัดเจนในการยึดนโยบายไม่อยู่ร่วมกับโรคระบาดโควิด-19 ขณะที่ยังคงมีมาตรการสั่งล็อกดาวน์เมืองสำคัญหลายแห่ง เช่น อู่ฮั่น กว่างโจว และซีหนิง หลังพบการระบาดของโรคโควิด-19 เพิ่มสูงขึ้น กระทบต่อสภาวะเศรษฐกิจจีนที่ย่ำแย่อยู่แล้วให้รุนแรงมากขึ้น ในขณะที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐทะยานแข็งค่าต่อเนื่อง

ราคาทองคำล่วงหน้านิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 1,630.90 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ -20.80 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ -1.2% ก่อนหน้านี้ ย้อนกลับไปเมื่อเดือนมีนาคม 2565 ราคาทองคำล่วงหน้ามีราคาสูงสุดระหว่างวันขึ้นไปถึง 2,072.50 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2020 หรือในรอบ 18 เดือน

สาเหตุจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น รวมถึงดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับเพิ่มขึ้น ตามด้วยผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกาอายุ 10 ปี เพิ่มขึ้นใกล้เคียงระดับสูงสุดในรอบกว่า 14 ปี หรือตั้งแต่กรกฎาคม 2008 หลังจากผลการประชุมดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกามีมติปรับขึ้น 0.75% ตามคาดการณ์ ที่สำคัญ เฟดส่งสัญญาณยังไม่ถึงเวลาชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ยดังกล่าว