วอนรัฐบาลใหม่จัดเงินสวัสดิการช่วยชาวนาหลังเกษียณวันละ 100 บาท สร้างแรงใจส่งต่อทำนา

นายปราโมทย์ เจริญศิลป์ นายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย กล่าวว่า ได้มีการเลือกร้องเรื่องการช่วยเหลือดูแลชาวนาไทยมาตลอดกับทุกพรรคการเมืองนับตั้งแต่ช่วงหาเสียงก่อนเลือกตั้ง แต่ก็ยังไม่เห็นพรรคการเมืองใดที่ออกมายืนยันว่าจะดูแลชาวเกษตรกรชาวนาไทยอย่างไร ให้เลี้ยงตัวเองได้และเป็นอาชีพที่ยั่งยืน อย่างไรก็ตาม ไม่อยากให้มีเหตุการณ์วุ่นวายทางการเมือง มีการจัดตั้งรัฐบาลโดยเร็ว

สำหรับข้อเสนอที่เสนอใหม่ในครั้งนี้กับการเลือกตั้งที่สิ้นสุดไป ซึ่งกำลังรอการจัดตั้งรัฐบาลใหม่นั้น อยากให้รัฐบาลใหม่เพิ่มเติมเรื่องสวัสดิการให้ชาวนาที่มีอายุเกิน 60 ปี ซึ่งไม่แตกต่างกับการเกษียณอายุราชการ หรือองค์กรที่มีบำนาญ เพื่อให้ชาวนาอยู่ได้เดือนละ 3,000 บาท หรือวันละ 100 บาท เงินสวัสดิการนี้ จะเป็นการชาวยลดภาระครัวเรือนและเป็นขวัญกำลังใจให้กับมีการสืบทอดอาชีพทำนาทำสวนที่ปัจจุบันคนรุ่นใหม่เลิกการทำเกษตร ก็จะกลายเป็นอีกปัญหาในอนาคตที่อาจต้องพึ่งพานำเข้ามากขึ้น

นายปราโมทย์กล่าวว่า ข้อเสนอที่สมาคมนำเสนอมาตลอด ได้แก่ ต้องการให้รัฐบาลเร่งหาตลาดส่งออกเพื่อระบายข้าวได้ต่อเนื่อง พัฒนาและจัดหาเมล็ดพันธุ์ข้าวใหม่ที่เพิ่มความต้องการผู้บริโภคผู้ซื้อทั่วโลก ลดต้นทุนซึ่งแบกรับทั้งต้นทุนเพาะปลูกและค่าครองชีพที่สูงขึ้น ลดภาระหนี้ครัวเรือนที่ยังสูงต่อเนื่อง และเตรียมจัดหาแหล่งน้ำถาวรในทุกพื้นที่ โดยเฉพาะในช่วง 1-2 ปีจากนี้อาจได้ผลกระทบสูงจากปรากฏการณ์เอลนิโญ

นายปราโมทย์กล่าวต่อว่า ตอนนี้ราคาข้าวเกี่ยวสดต้นฤดูนี้ยังมีราคาดี ต้นสัปดาห์ข้าวเปลือกเจ้าได้ราคา 9,700 บาทต่อตัน แต่พอมีฝนลงก็มีผลทางจิตวิทยา ราคาลงวันละ 300 บาทต่อตัน ซึ่งปลายเดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคมนี้จะเป็นช่วงที่มีการเก็บเกี่ยวข้าวเปลือกนาปรังค่อนข้างสูง 80-90% ของผลผลิตรวมในฤดูกาลผลิตนาปรัง 2566 ราคาอาจผันผวนและลงได้บ้าง

หากราคายังไม่ต่อกว่า 8,000 บาท ชาวนาก็ยังพออยู่ได้ หากต่ำกว่านี้ก็ต้องเร่งให้รัฐบาลเข้ามาดูแล อีกปัจจัยที่มีผลต่อราคาข้าวตอนนี้ยังสูงคือความต้องการนำเข้าข้าวทั่วโลกมีมาก ทำให้ดรงสีและผู้ส่งออกยังแข่งกันซื้อเพื่อส่งออก