วิจัยกรุงศรี คาด กนง. จะคงดอกเบี้ยในการประชุม 27 ก.ย. นี้ เหตุเงินเฟ้อชะลอต่ำกว่าเป้า

208
0
Share:
วิจัยกรุงศรี คาด กนง. จะคง ดอกเบี้ย ในการประชุม 27 ก.ย. นี้ เหตุเงินเฟ้อชะลอต่ำกว่าเป้า

วิจัยกรุงศรี ประเมินว่าอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานที่ชะลอลง อาจเป็นปัจจัยหนึ่งที่หนุนให้ กนง. คงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.25 ในการประชุมเดือนกันยายนนี้ โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือนสิงหาคมเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 0.88% แต่ยังอยู่ต่ำกว่ากรอบเป้าหมายต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 คาดทั้งปีเฉลี่ยอยู่ที่ 1.7% โดยสูงขึ้นจาก 0.38% ในเดือนกรกฏาคม ซึ่งปัจจัยสำคัญจากการสูงขึ้นของราคาน้ำมันเชื้อเพลิงขายปลีกในประเทศ หลังจากติดลบต่อเนื่อง 5 เดือน

ขณะเดียวกันการสูงขึ้นของราคาสินค้าในหมวดอาหารบางกลุ่ม อาทิ ข้าวสารเจ้า ข้าวสารเหนียว ไข่ไก่ ผักและผลไม้สด ด้านอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (หักราคาหมวดอาหารสดและพลังงาน) เดือนสิงหาคมอยู่ที่ 0.79% ชะลอลงจาก 0.86% ในเดือนก่อน

สำหรับในช่วง 8 เดือนของปี 2566 (มกราคม-สิงหาคม) อัตราเงินเฟ้อทั่วไปและอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 2.01% และ 1.61% ตามลำดับ

ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในช่วงที่เหลือของปีคาดว่าอาจขยับขึ้นบ้างจากระดับปัจจุบัน เนื่องจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ผันผวนสูงซึ่งได้รับแรงกดดันจากกลุ่มโอเปคขยายเวลาลดกำลังการผลิต 1 ล้านบาร์เรล/ วันจนถึงสิ้นปีนี้ และรัสเซียขยายเวลาการปรับลดการส่งออกน้ำมันสู่ตลาดโลกลง 300,000 บาร์เรล/วันจนถึงสิ้นปีนี้เช่นกัน และผลกระทบของเอลนีโญที่อาจส่งผลต่อราคาสินค้าเกษตร อย่างไรก็ตาม คาดว่ายังมีหลายปัจจัยที่จะช่วยจำกัดการเร่งของเงินเฟ้อ โดยเฉพาะผลของมาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพ อาทิ การลดค่าใช้จ่ายสาธารณูปโภค การคงราคาก๊าซหุงต้ม และการลดราคาน้ำมันดีเซล

วิจัยกรุงศรีคาดอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปีนี้เฉลี่ยอยู่ที่ 1.7% ส่วนมุมมองดอกเบี้ยนโยบาย คาดว่ากนง.จะยุติวงจรการปรับขึ้นดอกเบี้ยในรอบนี้ โดยคงไว้ที่ 2.25% ในการประชุมวันที่ 27 กันยายนนี้ ส่วนหนึ่งเป็นผลจากแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่บรรเทาลง ซึ่งปัจจุบันอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ต่ำกว่ากรอบเป้าหมาย (1-3%) ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 อีกทั้งอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานซึ่งสะท้อนการใช้จ่ายของผู้บริโภคชะลอลงต่อเนื่อง ขณะที่เศรษฐกิจไทยแม้มีทิศทางฟื้นตัวแต่ระดับของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ (GDP level) ยังอยู่ต่ำกว่าระดับศักยภาพในระยะยาว

ฟิทช์เตือนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดใหม่อาจทำให้ระดับหนี้ของรัฐบาลเพิ่มสูงขึ้น กระทบเสถียรภาพทางการคลัง ฟิทช์ เรทติ้งส์ บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยอาจได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง สะท้อนจากมูลค่าการส่งออกที่ติดลบต่อเนื่องนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2565 และจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาไทยยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่าช่วงก่อนเกิดการระบาดโควิด-19 อีกทั้งมองว่า เสถียรภาพทางการคลังของไทยอาจจะถูกกระทบ จากการที่พรรคการเมืองหลายพรรคเคยให้คำมั่นสัญญาไว้ในช่วงหาเสียงว่าจะเพิ่มการใช้จ่ายทางสังคม ซึ่งนโยบายประชานิยมเหล่านี้อาจจะช่วยหนุนการเติบโตของเศรษฐกิจในระยะสั้น

แต่อาจส่งผลให้สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP เพิ่มสูงขึ้น หากไม่สามารถรักษาระดับการเติบโตของเศรษฐกิจให้มีความต่อเนื่องได้ ส่วนผลต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปี 2567 ขึ้นอยู่กับว่าการใช้จ่ายนี้จะสามารถหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไปได้กี่รอบ