วิจัยไทยพาณิชย์หั่นจีดีพีไทยปี 66 เหลือ 3.1% ส่งออกยังทรุด คาดกนง.ขึ้นดอกเบี้ยสูงสุด

217
0
Share:
วิจัยไทยพาณิชย์หั่นจีดีพีไทย เศรษฐกิจไทย ปี 66 เหลือ 3.1% ส่งออกยังทรุด คาดกนง.ขึ้นดอกเบี้ยสูงสุด

นายสมประวิณ มันประเสริฐ รองผู้จัดการใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มงานกลยุทธ์องค์กร และรองผู้จัดการใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Economic Intelligence Center (EIC) ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) กล่าวว่า หากมองไปข้างหน้า เศรษฐกิจไทยยังต้องเผชิญความไม่แน่นอนสูง (Uncertain) จากแรงกดดันสำคัญ ได้แก่ เศรษฐกิจจีนเติบโตชะลอลง กระทบการส่งออกไทยบางกลุ่มสินค้าที่พึ่งพาตลาดจีนสูง และเป็นส่วนหนึ่งของ Supply chain จีน รวมถึงผลกระทบต่อเงินลงทุนโดยตรง FDI จากจีนอาจชะลอลงบ้าง และอาจกระทบกำลังซื้อจากจีนในภาคอสังหาริมทรัพย์ไทยบาง Segments

รวมถึงวิกฤตภัยแล้ง ในกรณีฐานภัยแล้งจะเกิดรุนแรงที่สุดในรอบ 41 ปีในหลายพื้นที่ ส่งผลให้ผลผลิตพืชเศรษฐกิจสำคัญ อย่างไรก็ดี รายได้เกษตรกรในปี 67 มีแนวโน้มทรงตัวจากราคาสินค้าเกษตรที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยชดเชยผลกระทบจากผลผลิตลดลงได้ส่วนหนึ่ง

อีกทั้งยังเผชิญความไม่แน่นอนของนโยบายรัฐบาล หากออกมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายครั้งใหญ่ เช่น Digital wallet เศรษฐกิจไทยปีหน้าอาจขยายตัวได้เกิน 5% ชั่วคราว แต่ต้องแลกด้วยต้นทุนการคลังในระยะยาว เพราะเม็ดเงินกระตุ้นการใช้จ่ายครั้งใหญ่หลายแสนล้านบาทนั้น สามารถนำมาใช้ยกระดับศักยภาพเศรษฐกิจไทย เพื่อหาเครื่องยนต์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจใหม่ในภาวะที่เศรษฐกิจไทยกำลังเผชิญความท้าทายจากแผลเป็นหลังวิกฤตโควิด รวมถึงการปรับห่วงโซ่อุปทานโลกและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ นอกจากนี้ การใช้เม็ดเงินภาครัฐจำนวนมากในการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นจะบั่นทอนความยั่งยืนทางการคลังในระยะยาว ส่งผลให้หนี้สาธารณะสูงเกินเพดานหนี้ที่ 70% ของ GDP เร็วขึ้นราว 2 ปี ซึ่งอาจจะกระทบพื้นที่การคลังเพื่อรองรับความไม่แน่นอนข้างหน้าและเสถียรภาพการคลังของประเทศได้

SCB EIC มองว่านโยบายเศรษฐกิจในระยะข้างหน้าควรให้ความสำคัญกับการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทั้งในและนอกประเทศ รวมถึงกระจายโอกาสทางเศรษฐกิจ ผ่านการส่งเสริมการแข่งขันเพื่อเพิ่มประสิทธิผลจริงของ พ.ร.บ. การแข่งขันทางการค้าฯ การส่งเสริมการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในระยะยาว ผ่านการปรับโครงสร้างภาษี เพื่อลดความเหลื่อมล้ำของระบบภาษีที่บิดเบือนแรงจูงใจของภาคธุรกิจและครัวเรือน

ทั้งนี้ SCB EIC ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทย ปี 66 เหลือ 3.1% จากเดิมที่คาดว่าเติบโต 3.9% หลังจากตัวเลขจริงในไตรมาส 2/66 เศรษฐกิจเติบโตต่ำกว่าคาดมาก โดยเฉพาะการส่งออกสินค้าหดตัวแรงต่อเนื่อง แต่ยังมีแรงหนุนหลักจากการบริโภคภาคเอกชนและภาคการท่องเที่ยว

ในปี 67 คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโตเร่งตัวขึ้นมาที่ 3.5% จากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องเป็น 37.7 ล้านคน และการลงทุนภาคเอกชนที่จะขยายตัวดีขึ้นตามแนวโน้มการอนุมัติส่งเสริมการลงทุนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BoI) รวมถึงคาดว่าการส่งออกจะกลับมาฟื้นตัวได้ดีขึ้น

ด้านอัตราเงินเฟ้อทั่วไปคาดว่าจะมีแนวโน้มเร่งตัวขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 4/66 แต่ยังอยู่ในกรอบเป้าหมายที่ 1.7% และ 2% ในปี 66 และปี 67 ตามลำดับ เนื่องจากราคาพลังงานและอาหารมีแนวโน้มสูงขึ้น และมองว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยจะปรับขึ้นอีก 1 ครั้งในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ช่วงปลายเดือน ก.ย.นี้ สู่จุดสูงสุดของวัฏจักรดอกเบี้ย (Terminal rate) รอบนี้ที่ 2.5%