ศกพ.เตือนคนกรุงต้องเจอปัญหาฝุ่นพิษจนถึง 17 ธ.ค.นี้

2623
0
Share:

นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานอนุกรรมการสื่อสารการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ ในคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เปิดเผยว่า จากที่ได้ประชุมศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ หรือ ศกพ. ร่วมกับกรมควบคุมมลพิษ เพื่อติดตามสถานการณ์ฝุ่นพิษทั่วกรุงเทพฯ พบว่าในช่วง 3 วันนี้ ตั้งแต่วันที่ 14 -17 ธ.ค.สภาพทางอุตุนิยมวิทยามีข้อจำกัดในเรื่องการหมุนเวียนของอากาศ โดยเฉพาะความกดอากาศ ลม การยกตัวของมวลอากาศจะมีข้อจำกัดมาก ทำให้อากาศในกรุงเทพฯและปริมณฑล มีความนิ่ง ดังนั้นมลพิษทางอากาศจากแหล่งกำเนิดต่างๆ เช่น รถยนต์ รถบรรทุก การเผาในที่โล่งโดยรอบกรุงเทพ จึงทำให้เหมือนกับกรุงเทพฯมีฝาชีครอบอยู่ จนมีมลพิษทางอากาศในบางจุดที่สูงมาก
.
ทั้งนี้ อนุกรรมการฯจึงได้มีการประสานงานแจ้งไปทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรง ได้แก่ ขอความร่วมมือกรมการขนส่งทางบก กทม. กรมควบคุมมลพิษ ช่วยกันตรวจสอบรถควันดำ โดยเฉพาะรถบรรทุกเล็ก และรถบรรทุกขนาดใหญ่ที่ใช้น้ำมันดีเซล เพื่อการตรวจแจ้งเตือนและตรวจจับ ซึ่งตามสถิติพบว่า 100 คัน พบถึง 46 คัน ที่ไม่บำรุงรักษาเครื่องยนต์ทำให้เกิดควันดำ นอกจากนี้ยังมีการวางแผนที่จะตรวจรถควันดำ ทั้งรถบรรทุกเล็ก รถบรรทุกใหญ่ รถขนส่งต่างๆ โดยจะตรวจทุกวัน ยาวไปอีก 6 เดือนข้างหน้าจนถึงช่วงหน้าแล้วด้วย
.
นอกจากนี้ เรื่องการจราจรจากการที่ได้ตรวจจากแอพพลิเคชั่นแอร์ฟอไทยที่ได้สำรวจทั่วกรุงเทพฯ พบว่าจุดที่มีสภาพ PM2.5 หรือฝุ่นพิษค่อนข้างสูงหรือสูงนั้นส่วนใหญ่จะเป็นบริเวณสี่แยก สามแยก จุดกลับรถ จุดที่มีปริมาณรถสะสมมาก จึงได้ประสานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกทม.ช่วยพยายามทำให้เกิดการไหลลื่น การเคลื่อนตัวของรถให้เร็วขึ้น เพื่อไม่ให้มาจอดนิ่งจนทำให้เกิดมลพิษทางอากาศ อีกทางหนึ่ง ประสานไปที่ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปทำความเข้าใจกับเกษตรกร ในพื้นที่ที่อยู่โดยรอบกรุงเทพฯที่มีการเผาเศษวัชพืชในที่โล่งทำให้เกิดหมอกควันเข้ามาอยู่ในพื้นที่ใกล้กรุงเทพฯจึงขอความร่วมมือ ให้กระทรวงเกษตรฯ กระทรวงมหาดไทย ช่วยประสานขอความร่วมมือจากเกษตรกรงดการเผาไปจนถึงวันที่ 17 ธ.ค.
.
พร้อมขอความร่วมมือประชาชนที่จะเดินทางไปผ่านมาใช้รถสาธารณะให้มากขึ้น โดยเฉพาะรถไฟฟ้า และให้ดำเนินการตรวจบำรุงรักษารถยนต์ให้เป็นไปตามรอบระยะเวลาด้วย ส่วนการเหลื่อมระยะเวลาการทำงานนั้นยังดำเนินไปตามปกติ ซึ่งที่สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีก็มีการเหลื่อมเวลาทำงานอยู่แล้วเช่นเดียวกับทุกสถานราชการ