ศบค. เห็นชอบให้สั่งซื้อ”ยาโมลนูพิราเวียร์” โดยจะใช้งบประมาณ 500 ล้านบาท

344
0
Share:

ที่ประชุม ศบค. ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้พิจารณาวาระแผนการจัดหายาโมลนูพิราเวียร์ ตามข้อเสนอของศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีติดเชื้อโควิด-19 โดยมีการเสนอขออนุมัติการใช้งบประมาณงบกลางฯ วงเงิน 500 ล้านบาท ในการจัดซื้อยาโมลนูพิราเวียร์
.
โดยก่อนหน้านี้นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยถึงไทม์ไลน์สำหรับการนำเข้าโมลนูพิราเวียร์ในไทย ได้หารือรายละเอียดกับทางเมอร์คประเทศไทย ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา และมีการจัดทำร่างสัญญาซื้อขายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงให้เมอร์คผ่านการขึ้นทะเบียนกับ FDA อเมริกา ในราวเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน ก่อนที่จะมาขึ้นทะเบียนในไทยผ่านได้ราวช่วงพฤศจิกายน-ธันวาคม ซึ่งคาดว่าในไทยจะได้รับยาโมลนูพิราเวียร์มาใช้ต้านไวรัสได้เร็วสุด ในเดือนธันวาคมปีนี้ หรือช้าสุดช่วงเดือนมกราคม 2565
.
สำหรับยาต้านโควิด “โมลนูพิราเวียร์” โดยเมอร์ค (Merck) สหรัฐอเมริกา มีฤทธิ์ยับยั้งการจำลองตัวเองของเชื้อโควิด โดยจากการวิจัยแบบสุ่มระยะที่ 3 ในกลุ่มผู้ป่วยอาการเล็กน้อย-ปานกลาง ที่มีปัจจัยเสี่ยง อาทิ โรคประจำตัว หรือกลุ่มสูงอายุ พบว่าสามารถยับยั้งอาการรุนแรง หรือการเข้า รพ. จากโควิดสายพันธุ์ปัจจุบันทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเดลต้า แกมม่า ตลอดจนสายพันธุ์เฝ้าระวังอย่างมิวได้กว่า 50% ส่วนการศึกษาในกลุ่มผู้ป่วยโควิดอาการหนักพบว่าไม่ได้ผล จึงได้ศึกษาเพียงในกลุ่มอาการเล็กน้อยถึงปานกลางเท่านั้น
.
ทั้งนี้ เมอร์ค ได้ยื่นขอการขึ้นทะเบียน FDA สหรัฐฯ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว หากได้รับการอนุมัติ โมลนูพิราเวียร์จะกลายเป็นยาต้านโควิดชนิดเม็ดตัวแรกของโลกที่ได้รับการรับรองจากอเมริกา สำหรับราคาในแต่ละประเทศจะไม่เท่ากัน ไทยเป็นประเทศรายได้ปานกลางจะได้ราคาถูกกว่าประเทศสหรัฐอเมริกาซึ่งมีรายได้สูง ซึ่งถือเป็นนโยบายของบริษัทที่ต้องการกระจายยาต้านโควิดไปในหลาย ๆ พื้นที่อย่างเป็นธรรม