ศาลปกครองไต่สวนนัดแรกปมเปลี่ยนทีโออาร์โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม

720
0
Share:

ศาลปกครองกลางได้นัดไต่สวนในคดีที่บริษัทขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอส ยื่นฟ้อง คณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 แห่ง พ.ร.บ.การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน 2562 โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มช่วงบางขุนนนท์ – มีนบุรี (สุวินทวงศ์ ) และพวกรวม 2 คน ขอให้เพิกถอนมติคณะกรรมการคัดเลือกฯ ที่มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขทีโออาร์โครงการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มช่วงบางขุนนนท์ – มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ที่ให้นำข้อเสนอทางด้านเทคนิคมาให้คะแนนควบคู่กับข้อเสนอด้านราคา หลังจากที่มีการปิดการขายซองประมูลไปแล้ว เนื่องจากเห็นว่าก่อให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบกับเอกชนบางราย พร้อมกับขอให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษาโดยสั่งระงับการเปิดรับข้อเสนอของเอกชนในวันที่ 9 พ.ย.นี้ ไว้จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา
.
นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) กล่าวว่า ในการไต่สวนทางรฟม.ก็ได้ส่งคำคัดค้าน คำร้อง โดยยืนยันว่าการดำเนินการของ รฟม.และคณะกรรมการคัดเลือกฯ ยังไม่ถือว่าเป็นการละเมิดใดๆ กับบีทีเอส และเราก็ดำเนินการถูกต้องครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนด ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยศาลรับคำร้องทั้งหมดไว้พิจารณา และเชื่อว่าจะมีคำสั่งอย่างใดอย่างหนึ่งในช่วงสัปดาห์หน้า
.
ขณะนี้ยังไม่มีการเตรียมการใดๆ เพราะเรามั่นใจว่าศาลไม่น่าจะมีการคุ้มครอง จากนี้ศาลก็คงนำคำชี้แจงของทั้ง รฟม.และบีทีเอส ไปพิจารณา ถ้าเห็นว่าเพียงพอก็คงไม่มีการขอไต่สวนเพิ่มเติม แต่ถ้ายังขาดข้อมูลบางอย่างก็อาจจะเรียกไต่สวนเพิ่ม ซึ่งขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาล
.
ด้านนายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บีทีเอส กล่าวว่า หลังจากนี้ก็คงต้องรอผลการพิจารณาคดีของศาล ไม่แน่ใจว่าจะมีคำพิพากษาภายในสัปดาห์หน้าหรือไม่ ส่วนจะมีคำพิพากษาทันวันยื่นข้อเสนอหรือไม่นั้น ก็ได้ยินว่ากระบวนการน่าจะเร่งด่วน เพราะเป็นเรื่องสำคัญ
.
ทั้งนี้ มองว่าการปรับหลักเกณฑ์จากเดิมพิจารณาข้อเสนอด้านราคา 100 คะแนน เป็นพิจารณาข้อเสนอด้านเทคนิค 30 คะแนน และด้านราคา 70 คะแนน อาจทำให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบ โดยมีการใช้ดุลยพินิจซึ่งมองว่าเป็นเรื่องที่ไม่ถูก เพราะมีมติ ครม.ไปแล้วว่าวิธีการประเมินเป็นอย่างไร
.
รวมถึงการศึกษาของ รฟม.เอง ซึ่งคงจะต้องเป็นไปตามนั้น แต่เสร็จแล้วมีการเปลี่ยนแปลงภายหลังจากที่ปิดการขายซองประมูลไปแล้ว คล้ายๆกับว่ารู้อยู่แล้วว่าใครบ้างที่จะมีสิทธิเข้ามายื่นได้ ซึ่งมองว่าการเปลี่ยนหลักเกณฑ์ต้องส่งให้ ครม.พิจารณาอีกรอบก่อน ซึ่งประเด็นเหล่านี้ก็ได้ชี้แจงต่อศาลไปแล้ว และมีการขอให้ศาลยกเลิกการเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์ที่ไม่เป็นธรรมและไม่ชอบด้วยกฎหมาย ให้กลับมาใช้หลักเกณฑ์เดิม และขอให้ศาลปกครองไต่สวนฉุกเฉินเพื่อให้มีมาตรการคุ้มครองชั่วคราวจนกว่าจะมีคำพิพากษา เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหาย แต่ในคำฟ้องยังไม่มีการเรียกค่าเสียหายแต่อย่างใด และถ้าศาลไม่มีคำสั่งคุ้มครองก็ยังยืนยันที่จะเข้าร่วมประมูลในวันที่ 9 พ.ย.ซึ่งขณะนี้ก็อยู่ระหว่างการจัดเตรียมเอกสารต่างๆ ดังนั้นต้องมั่นใจ และในอนาคตก็พร้อมที่ประมูลโครงการ แต่ก็ต้องขอดูทีโออาร์ ที่จะออกมาด้วย