ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนจำคุก 6 เดือนไม่รอลงอาญา ‘เสี่ยเปรมชัย’

595
0
Share:

วันที่ 11 สิงหาคม 2563 เวลา 09.30 น. ที่ห้องพิจารณา 807 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีหมายเลขดำ อ.1144/2561 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 8 เป็นโจทก์ฟ้อง นายเปรมชัย กรรณสูตร อายุ 66 ปี ประธานบริหาร บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) เป็นจำเลย ในความผิดฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนและเครื่องกระสุนฯ พ.ศ.2490
.
โดยอัยการโจทก์ยื่นฟ้องคดี เมื่อวันที่ 11 เม.ย. 2561 ระบุพฤติการณ์ความผิดสรุปว่า เมื่อวันที่ 7 ก.พ. 2561 จำเลยกระทำผิดกฎหมายด้วยการมีอาวุธปืนยาวไรเฟิล 3 กระบอก และปืนแก๊บ 1 กระบอกไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาตภายในบ้านพัก ซ.ศูนย์วิจัย 3 แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กทม. โดยนายเปรมชัยให้การรับสารภาพ
.
คดีนี้ศาลอาญามีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 20 ส.ค.2562 เห็นว่า พิเคราะห์รายงานสืบเสาะประวัติ ประกอบคำรับสารภาพของจำเลยแล้ว การกระทำของจำเลยเป็นความผิดกรรมเดียว ผิดต่อกฎหมายหลายบทให้จำคุก 1 ปี ตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ มาตรา 7, 72 วรรคหนึ่ง จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุก 6 เดือน แต่เนื่องจากจำเลยยังมีโทษคดีอาญาจำคุกอีก 2 คดี ที่ศาลจังหวัดทองผาภูมิและศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7 จึงไม่อาจรอการลงโทษได้
.
จำเลยอุทธรณ์คดี พร้อมยื่นอุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษสถานเบา และรอการลงโทษด้วย ส่วนอัยการโจทก์ ยื่นอุทธรณ์ ขอให้ศาลลงโทษจำเลยสถานหนัก โดยไม่รอลงอาญา
.
วันนี้ นายเปรมชัย จำเลย ซึ่งได้รับการประกันตัวตามที่ศาลตีราคาประกัน 2 แสนบาทระหว่างอุทธรณ์ เดินทางมาฟังคำพิพากษา
.
ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือแล้ว เห็นว่า ที่โจทก์อุทธรณ์ว่า เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน อาวุธปืนของกลางมีหลายกระบอก ได้ปืนมาคนละครั้งคราวนั้น เห็นว่า โจทก์ไม่มีการกล่าวอ้างในคำฟ้องตั้งแต่ในศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์จึงไม่รับวินิจฉัย อีกทั้งโจทก์ไม่บรรยายฟ้องว่า อาวุธปืนแต่ละกระบอกได้มาอย่างไร และการตรวจยึดอาวุธปืนได้ในคราวเดียวกัน จึงฟังไม่ได้ว่าเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ส่วนที่โจทก์ขออุทธรณ์ขอให้ลงโทษสถานหนักนั้น เห็นว่าศาลชั้นต้นวางโทษไว้เหมาะสมแล้ว ไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลง
.
สำหรับจำเลยอุทธรณ์ว่า เป็นอาวุธปืนของบิดาที่ถึงแก่กรรมแล้ว และลูกจ้างได้ขนย้ายเอามาวางไว้ในบ้านโดยจำเลยไม่ทราบ ศาลเห็นว่า ขัดกับคำรับสารภาพ เป็นเรื่องที่ไม่ได้ว่ากันในศาลชั้นต้น จึงไม่รับวินิจฉัย ที่จำเลยอุทธรณ์ขอให้รอการลงโทษนั้น เห็นว่า จำเลยมีอาวุธปืน 5 กระบอก บางส่วนใช้ล่าสัตว์ หากมีการนำไปใช้ก่ออาชญากรรม หรือกระทำความผิดล่าสัตว์ จะยากแก่การติดตามหาผู้กระทำผิด ถือเป็นเรื่องร้ายแรง และที่จำเลยอุทธรณ์อ้างว่า ป่วยร้ายแรงนั้น ในเรือนจำก็มีรพ.ราชทัณฑ์ ซึ่งมีแพทย์ให้การรักษาอยู่แล้ว หากมีอาการร้ายแรงอาจส่งตัวไปรักษาโรงพยาบาลภายนอกเรือนจำได้ ที่ศาลชั้นต้นพิพากษามานั้น ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์โจทก์ -จำเลย ฟังไม่ขึ้นพิพากษายืน จำคุก 6 เดือน ไม่รอลงอาญา