สจล.แนะทำโครงการแก้มลิงใต้ดิน เป็นบ่อพักน้ำรอระบายขนาดยักษ์ใต้ดิน แก้น้ำท่วมกทม.

1715
0
Share:

ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ นายกสภาวิศวกร และอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง(สจล.) ให้ข้อมูลว่า ปัญหาน้ำท่วมกรุงเทพฯ เป็นปัญหาที่ซับซ้อนมาหลายปี พื้นที่ใจกลางเมือง หรือในซอยจะเกิดน้ำท่วมเร็ว ดังนั้นจึงต้องทำความเข้าใจก่อนว่าพื้นที่กรุงเทพฯ มีสภาพเป็นแอ่งกระทะคอนกรีต จากการขยายตัวของเมือง และหลายซอยมีระดับพื้นที่ต่ำกว่าน้ำทะเลหลายซอย
.
เช่นพื้นที่ ม.รามคำแหง จึงคิดว่าฝนตกนิดหนึ่งน้ำก็ท่วมซอยแล้ว แต่แท้จริงคือน้ำย้อนจากพื้นที่สูงมายังพื้นที่ต่ำกว่า ดังนั้นวิธีที่จะนำน้ำที่ท่วมออกจากพื้นที่ได้คือการสูบน้ำออกจากถนน ไปยังคลองแสนแสบ และขึ้นไปที่แม่น้ำเจ้าพระยาเท่านั้น แม้จะมีอุโมงค์ยักษ์ เพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วม บางทีน้ำก็มาไม่ถึงเพราะน้ำต้องมาจากซอยขึ้นไปบนถนน ไหลเชื่อมไปยังอุโมงค์ยักษ์ และขีดความสามารถที่จำกัด มีปัญหาขยะอุดตัน ทำให้ไม่สามารถลำเลียงน้ำได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ จึงทำให้เกิดน้ำบนถนนมากเกินไป กลายเป็นน้ำท่วมขัง และหากปั๊มน้ำตัวหนึ่งเสีย พื้นที่กรุงเทพฯอาจจะจมน้ำได้
.
เมื่อดูจากสถานการณ์ฝนตกหนักต่อเนื่องในกรุงเทพฯ ตั้งแต่ 7-12 ตุลาคมที่ผ่านมา ได้ใช้บิ๊กเดต้าคำนวณพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม แบบแม่นยำสูงสุด ด้วย 5 ปัจจัย คือ พื้นที่แหล่งน้ำ การใช้ประโยชน์ที่ดิน การคมนาคม(ถนนสายหลัก) โดยพื้นที่น้ำท่วมในปี 2552-2562 และระดับความสูงของพื้นที่ จากการวิเคราะห์ 70 จุดเสี่ยงภัยน้ำท่วมบริเวณถนน พบว่ากรุงเทพฯน้ำท่วมสูงสุดกว่าร้อยละ 35.52 ของพื้นที่ทั้งหมดกว่า 1,500 ตารางกิโลเมตร โดยเฉพาะในพื้นที่บางนา คลองเตย และรามคำแหง โดย 70 จุดเสี่ยงแบ่งเป็น 56 จุดเสี่ยงน้ำท่วมทันที หากมีปริมาณน้ำฝนเกิน 60 มม./ชั่วโมง อาทิ ถ.พระราม3 ช่วงตลาดฮ่องกงปีนัง-แยก ณ ระนอง ถ.งามวงศ์วาน ช่วงแยกเกษตร ถ.รัชดาภิเษก แยกพระราม9-แยกห้วยขวาง ถ.แจ้งวัฒนะ มรก.พน. ถ.รามคำแหง ถ.อโศกมนตรี และถนนพัฒนาการ และยังมี 14 จุดเสี่ยงน้ำท่วม กรณีที่มีปริมาณฝนไม่เกิน 60 มม./ชั่วโมง ได้แก่ ถ.แจ้งวัฒนะ จากคลองประปา-คลองเปรมประชากร ถ.รัชดาภิเษก บริเวณหน้าธนาคารกรุงเทพ และถ.พหลโยธิน เพื่อเตรียมหาแนวทางรับมือ ตลอดจนนำมาประยุกต์ใช้จัดโซนเมืองขนาดใหญ่
.
โดยวิธีแก้ปัญหาโดยธรรมชาติ คือ การสร้างบ่อพักน้ำรอระบายขนาดยักษ์ใต้ดิน หรือไทยจะเรียกว่าแก้มลิงใต้ดิน ที่ไว้รองรอน้ำรอระบายไม่ต้องสูบน้ำรอระบายไว้บนถนน และไม่ต้องใช้ปั๊มน้ำ
.
จากแนวคิดนี้ มีตัวอย่างให้เห็นอยู่แล้ว คือ แนวคิดแก้มลิงของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่มีตามธรรมชาติ แต่ในพื้นที่กรุงเทพฯ ไม่มีพื้นที่แก้มลิงธรรมชาติ เนื่องจากการขยายตัวของเมือง ดังนั้นแนวคิดการสร้างแก้มลิงยักษ์ใต้ดินก็ต้องสามารถทำได้ในกรุงเทพฯ โดยประเมินจากพื้นที่ขนาดใหญ่ ใจกลางเมืองที่มีปัญหาหนักสุด อย่าง พื้นที่ย่านอโศก-สุขุมวิท-พระราม 4-บางนา-ราชประสงค์ ที่เมื่อเกิดน้ำท่วมก็จะทำให้การจราจรติดมากที่สุด
.
หากดูพื้นที่โดยรวมแล้ว สามารถนำร่องได้ คือ สวนเบญจกิติ ที่มีพื้นที่ 130 ไร่ มีขอบเขตพื้นที่ให้บริการ 900,000 ตารางเมตร และไม่ต้องเวียนคืนพื้นที่ สามารถสร้างบ่อสี่เหลี่ยมพักน้ำขนาดใหญ่ และสร้างท่อระบายน้ำหลัก 4 ท่อ พร้อมเชื่อมไปยังระบบท่อระบายอื่นๆในกรุงเทพฯ เป็นการลำเลี้ยงน้ำฝนบนพื้นถนนลงสู่ใต้ดิน ซึ่งในกระบวนการก่อสร้างไม่ยาก ทำเหมือนกับสร้างสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน แต่จะง่ายกว่าเพราะไม่ต้องมีคนไปอยู่ใต้ดิน ขนาดอยู่ที่ กว้าง 90 x ยาว 100 x ลึก 20 ม. และด้านบนเป็นตะแกรงที่สามารถกรองขยะ ซึ่งเราก็สามารถเก็บได้ง่าย โดยจะรองรับปริมาณน้ำได้ 100,000 ลบ.ม. และใช้ระยะเวลาระบายลงไปยังแก้มลิงใต้ดินภายใน 15 นาที ในระยะเส้นทางตั้งแต่พระราม 4 ไปจนถึงสุขุมวิท-อโศก ที่คาดว่าการสร้างจะใช้งบประมาณ 1 พันล้านบาท เปรียบเทียบงบประมาณที่รัฐต้องแก้ปัญหาน้ำท่วมมากถึง 1 หมื่นล้าน/ปี
.
อีกพื้นที่มองไว้ก็คือสวนจัตุจักร ส่วนน้ำท่วมในซอยที่เราต้องเผชิญ เพราะมีเพียงท่อระบายน้ำขนาดเล็ก และน้ำบนถนนยังทะลักเข้ามาอีก เราก็สามารถที่จะสร้างแก้มลิงเล็กใต้ดินขนาดเล็กหน้าซอย กว้าง 4 x ยาว 20 x ลึก 10 ม. สามารถรองรับน้ำเพื่อรอระบายได้ 800 ลบ.ม. ที่วางบประมาณไว้ 2-3 ล้านบาท ซึ่งความกว้างจะไม่ขัดขว้างการสัญจรในซอย และยังช่วยระบายน้ำจากถนนด้วย หากเป็นไปได้ภายใน 1 ปีนี้จุดที่ควรสร้างให้เร็วที่สุดคือย่านสุขุมวิท อโศก และพระราม4 และแนวทางนี้เราหวังว่าทางกรุงเทพฯ จะนำแนวคิดแก้มลิงใต้ดินที่ออกแบบเสร็จเรียบแล้ว ไปพิจารณาใช้เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมได้ทันที
.