สธ.ยกระดับเตือนภัยโควิดระดับ 4 ทั่วประเทศ หลังยอดติดเชื้อทะลุระดับคาดการณ์แล้ว

472
0
Share:
โควิด
นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ระบุว่าสถานการณ์โควิด-19 ที่เพิ่มสูงขึ้น สธ.จึงประกาศการเตือนภัยโควิดระดับ 4 ทั่วประเทศ จากสถานการณ์การแพร่ระบาดสัปดาห์ที่ผ่านมา ยอดผู้ติดเชื้อโควิดในประเทศและต่างประเทศมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น
.
ประเทศไทยคาดการณ์ 1-2 สัปดาห์ นี้ระดับผู้ติดเชื้อยังคงอยู่ในระดับสูง โดยขอให้หลีกเลี่ยงการไปยังสถานที่แออัดหรือพบคนหมู่มาก หากพบว่าตัวเองมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่เบื้องต้นขอให้ได้ตรวจด้วยชุดตรวจคัดกรองโควิด-19 ด้วยตัวเอง หรือ ATK ได้ทันที ทั้งนี้การฉีดวัคซีนโควิด-19 ครบ 2 เข็ม อาจจะไม่เพียงพอต่อการติดเชื้อ ดังนั้นขอให้ประชาชนไปรับวัคซีนเข็มกระตุ้นโดยเร็วหากครบกำหนดระยะเวลา
.
ด้วยสถานการณ์ผู้ติดเชื้อที่ยังคงสูงขึ้นทำให้กระทรวงสาธารณสุขมีความจำเป็นจะต้องยกระดับเตือนภัยโควิด จากระดับ 3 เป็นระดับ 4 สำหรับมาตรการควบคุมหลังยกระดับเตือนภัยโควิดระดับ 4 ทั่วประเทศ ดังนี้
1. งดเข้าสถานที่เสี่ยง
2. งดทานอาหารร่วมกัน ดื่มสุราในร้าน
3. เลี่ยงไปซื้อของที่มีคนจำนวนมาก เช่น ตลาด ห้าง
4. เลี่ยงใกล้ชิดผู้อื่นนอกบ้าน
5. งดร่วมกิจกรรม กลุ่มตามเกณฑ์ต่างๆ
6. มาตรการทำงานที่บ้านให้ได้ร้อยละ 50-80
7. ชะลอการเดินทางข้ามจังหวัดหากจำเป็นใช้รถยนต์ส่วนตัว
8. เลี่ยงไปต่างประเทศ
9. หากเข้าประเทศต้องปรับตัวในสถานที่กักกัน
.
ทางด้าน นพ.จักรรัฐ พิทยาวงศ์อานนท์ ผู้อำนวยการกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค สธ. กล่าวว่า สถานการณ์โควิด-19 ในขณะนี้เป็นการเตือนภัยโควิด-19 ระดับ 4 โดยยกระดับจังหวัดเสี่ยงสูงเป็นทุกจังหวัด พร้อมขอความร่วมมืองดเข้าสถานที่เสี่ยง (เปิดเฉพาะที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต) เลี่ยงการรวมกลุ่ม ชะลอการเดินทางข้ามพื้นที่ และทำงานที่บ้าน (Work From Home: WFH)
.
เนื่องจากผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา (วันที่ 13-19 ก.พ. 65) พบการติดเชื้อกระจายไปทั่วประเทศแล้ว โดยอัตราการติดเชื้อต่อประชากร 1 แสนคน พบผู้ติดเชื้อเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 100 คน
.
ส่วนสถานการณ์โรคโควิดในไทย พบผู้ติดเชื้อ ผู้ป่วยอาการหนัก ผู้ป่วยเสียชีวิต มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ปัจจัยเสี่ยงจากการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อในครอบครัว และคนที่รู้จักขณะทำกิจกรรมร่วมกัน สำหรับผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่ ยังคงเป็นกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง และสตรีมีครรภ์ 12 สัปดาห์ขึ้นไป ที่ไม่ใด้รับวัคซีน รวมทั้งที่ยังไม่ได้รับวัคซีนเข็มบูสเตอร์ โดยเฉพาะผู้ป่วยติดเตียง ให้เน้นตรวจคัดกรองหาเชื้อในกลุ่มผู้ดูแล รวมทั้งติดตามกำกับการใช้มาตรการ VUCA ในศูนย์ดูแลผู้สูงวัยอย่างเคร่งครัด
.
ทั้งนี้ ยังพบการระบาดลักษณะคลัสเตอร์ จากการรวมกลุ่มทำกิจกรรมต่างๆซึ่งขาดการกำกับมาตรการป้องกันโรคที่ดีของผู้จัดงาน หรือจัดกิจกรรม การระบาดในสถานที่ทำงาน ส่วนใหญ่มีปัจจัยเสี่ยงจากการที่มีบุคลากรติดเชื้อจากครอบครัว หรือชุมชน และแพร่โรคต่อให้เพื่อนร่วมงาน จากการไม่ระมัดระวังตัวขณะถอดหน้ากากรับประทานอาหาร และพูดคุยโดยไม่สวมหน้ากาก
.
สำหรับการคาดการณ์โรคโควิด-19 ในไตรมาส 1/65 ขณะนี้ผู้ติดเชื้อมีจำนวนมากขึ้น โดยเกินระดับกลางที่คาดการณ์ไว้แล้ว เนื่องจากประชาชนละเลยมาตรการมากขึ้น แต่จำนวนผู้เสียชีวิตยังอยู่ในระดับต่ำกว่าการคาดการณ์ที่ต่ำที่สุดอยู่ เนื่องจากผู้ป่วยส่วนใหญ่ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนมีอาการน้อย
.
ด้าน นพ.ณัฐพงศ์ วงศ์วิวัฒน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ สธ. กล่าวถึงสถานการณ์และการบริหารจัดการเตียงในกทม. ว่า จากวันที่ 21 ม.ค. 65 ถึงปัจจุบันผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาพยาบาลจากโรคโควิด-19 มีจำนวนเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่า และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ยังมีเตียงในระบบรองรับเพียงพอ เนื่องจากจำนวนผู้ป่วยอาการหนักยังอยู่ในระดับทรงตัว และการรักษาเน้นการรักษาระบบ Home Isolation (HI) และ Community Isolation (CI) เป็นลำดับแรก ยกเว้นผู้ป่วยที่มีภาวะเสี่ยง
.
“ขอความร่วมมือประชาชน ดูแลป้องกันตนเอง ปฏิบัติตนตามมาตรฐานกระทรวงสาธารณสุข รับการฉีดวัคซีน ตามระยะเวลาที่เหมาะสม ถ้ามีผล ATK เป็นบวกไม่จำเป็นต้องตรวจ RT-PCR ซ้ำ สามารถเข้าสู่ระบบการรักษา โทร 1330 ได้เลย” นพ.ณัฐพงศ์ กล่าว