สนพ.เตรียมเสนอต่ออายุมาตรการลดค่าครองชีพให้ประชาชน ทั้งการตรึงแอลพีจี – เอ็นจีวีถึงสิ้นปี

870
0
Share:

นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน หรือ สนพ. เปิดเผยว่า มาตรการลดค่าครองชีพด้านพลังงาน อาทิการตรึงราคาก๊าซหุงต้มหรือ แอลพีจี และเอ็นจีวี ที่ได้ดำเนินการมาแล้วจะสิ้นสุดในเดือนก.ย.นี้ ดังนั้นเพื่อให้มีความต่อเนื่องและดูแลประชาชน จะเสนอให้นายสุพัฒน์พงษ์ พันธ์มีเชาว์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานคนใหม่พิจารณา
.
ปัจจุบันกระทรวงพลังานตรึงราคาขายปลีกแอลพีจี ไว้ที่ระดับ 318 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม(ก.ก.)เป็นระยะเวลา 3 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย. ซึ่งเป็นการลดราคาถังละ 45 บาท บนพื้นฐานของราคาแอลพีจีตลาดโลกอยู่ที่ 200 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน แต่ขณะนี้ราคาตลาดโลกอยู่ที่ 350 ดอลลาร์สหรัฐและมีโอกาสขยับขึ้นในช่วงปลายปีถึง 400-500 ดอลลาร์สหรัฐ
.
ดังนั้นหากต้องตรึงราคาแอลพีจีไปจนถึงสิ้นปี คาดว่าจะใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในการพยุงราคา อีก ประมาณ 300-400 ล้านบาท หรือรวม 3 เดือน 1,200 ล้านบาท ซึ่งยังเป็นจำนวนเงินที่สามารถดูแลได้ เนื่องจากมีวงเงินที่เตรียมไว้ในการดูแล 1 หมื่นล้านบาท โดยที่ผ่านมาได้ใช้เงินในการตรึงราคาแอลพีจีไปแล้ว 6,500 ล้านบาท
.
นอกจากนี้จะพิจารณามาตรการดูแลปรับลดราคาเอ็นจีวี ซึ่งขณะนี้ในส่วนของกลุ่มรถทั่วไป ตรึงราคาไว้ที่ 15.31 บาทต่อก.ก. สิ้นสุดวันที่ 15 ส.ค.นี้ ขณะที่ราคาต้นทุนที่รับแจ้งขณะนี้อยู่ที่ 15.70 บาทต่อก.ก. ส่วนรถโดยสารสาธารณะ กลุ่มรถแท็กซี่ ตุ๊กตุ๊ก รถตู้ ร่วม ขสมก. และในต่างจังหวัด ครอบคลุม รถโดยสารมินิบัส สองแถว ร่วม ขสมก. รถโดยสาร รถตู้ร่วม บขส. และรถแท็กซี่ ทางบริษัทปตท.ตรึงราคาไว้ที่ 13.62 บาทต่อก.ก.
.
ส่วนสถานการณ์พลังงานในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้พบว่า การใช้พลังงานขั้นต้นลดลงร้อยละ 10.1 จากการใช้น้ำมัน และก๊าซธรรมชาติที่ลดลง เนื่องจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้ห่วงโซ่การดำเนินธุรกิจได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ความต้องการใช้พลังงาน และการเติบโตทางเศรษฐกิจภายในประเทศหยุดชะงัก ในขณะที่ไฟฟ้านำเข้ามีการใช้เพิ่มขึ้นและพลังงานทดแทนเพิ่มขึ้นเล็กน้อย