“สปริงแอร์ไลน์” สายการบินจากจีนแผ่นดินใหญ่ เล็งเพิ่มความถี่เที่ยวบินไทย-จีน

นายจาง อู่อัน โฆษกประจำสายการบินสปริงแอร์ไลน์ เปิดเผยว่า นับตั้งแต่เดือนมกราคม 2566 มาตรการป้องกันโรคระบาดได้มีการปรับลดลง โดยประเทศไทยเป็นหนึ่งใน 20 ประเทศแรกที่รัฐบาลจีนอนุญาตให้มีการเดินทางออกนอก ประเทศแบบหมู่คณะ หรือการทำทัวร์ท่องเที่ยวได้ ไทยจึงกลายเป็นประเทศปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวชาวจีนอย่างรวดเร็ว สปริงแอร์ไลน์เป็นผู้นําในการฟื้นฟูและเปิดเที่ยวบินจากกรุงเทพฯ ไปยังเมืองกวางเจา หนานหนิง ซีอัน หนิงโป หนานชาง หลานโจว เจียหยาง และมีออกเดินทางจากเชียงใหม่ไปยังกวางเจา และเซี่ยงไฮ้ ด้วย โดยตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม 2566 เข้าสู่ฤดูการบินฤดูร้อน สปริงแอร์ไลน์ในเส้นทางระหว่างไทย-จีน ก็มีการ เปลี่ยนแปลงเส้นทางการบิน กลับมาเปิดเที่ยวบินและเส้นทางบินตรงจากภูเก็ต เชียงใหม่ และกรุงเทพฯ สู่ 9 เมืองสำคัญในประเทศจีน ในฤดูการบินใหม่นี้

รวมถึงจะมีการเพิ่มเส้นทางบินใหม่ กรุงเทพ – เฉิงตู ทั้งยังมีการเพิ่มเที่ยวบินจากกรุงเทพ – เจียหยาง และกรุงเทพ – หนิงโปอีกด้วย โดยปัจจุบันเที่ยวบินระหว่างประเทศของสปริงแอร์ไลน์ จากประเทศไทยไปยังประเทศจีนมีแผนที่จะเพิ่มจํานวนขึ้นเป็น 82 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ บินตรงจากไทยสู่ 12 เมืองสำคัญของประเทศจีน และจะเพิ่มเที่ยวบินให้มากขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้โดยสาร สำหรับเที่ยวบินกรุงเทพ – เฉิงตู ที่จะกลบัมาให้บริการในวันที่ 26 มีนาคมนี้ จะมีให้บริการทุกวัน ซึ่งจะใช้เครื่องบินแอร์บัส A320 มีที่นั่งจํานวน 180-186 ที่นั่ง และแอร์บัส A321 มีที่นั่งจํานวน 240 ที่นั่ง ซึ่งปัจจุบันผู้โดยสารสามารถตรวจสอบเที่ยวบิน และราคาตั๋วโดยสารได้แล้วที่เว็บไซต์และแอพพลิเคชั่นของสายการบินสปริงแอร์ไลน์

“ขณะนี้เราเพิ่มความถี่ในเที่ยวบินกรุงเทพ – เซี่ยงไฮ้ และภูเก็ต – เซี่ยงไฮ้ ทำให้มีเที่ยวบินถึง 62 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ซึ่งมีอัตราการบรรทุกเฉลี่ยอยู่ที่ 95% ปัจจุบันเที่ยวบินของจีนเพิ่มขึ้นมาเป็น 70% เทียบกับปี 2562 ถือเป็นการฟื้นตัวกลับมาอย่างรวดเร็ว แม้เที่ยวบินต่างประเทศ จะฟื้นตัวได้ช้ากว่าเที่ยวบินภายในประเทศก็ตาม โดยในอนาคตเนื่องจากความต้องการของผู้โดยสารที่มีเพิ่มขึ้น สปริงแอร์ไลน์ยังมีแผนที่จะเพิ่มความถี่เที่ยวบินกรุงเทพ – หนานหนิง และเที่ยวบินตรงระหว่างจีน-ไทยอีกหลายเส้นทางด้วย” นายจาง กล่าว

สำหรับ สายการบินสปริงแอร์ไลน์ เป็นหนึ่งในสายการบินเอกชนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีน โดยมีเป้าหมาย คือ อยากให้ประชาชนทั่วไปสามารถเดินทางด้วยเครื่องบินได้มากขึ้น ปัจจุบันมีฝูงบิน 116 ลำ มีเส้นทางบินรวม 320 เส้นทาง ให้บริการผู้โดยสารรวม 21 ล้านคนต่อปี โดยการกลับมาของเที่ยวบินและการเพิ่มเที่ยวบินใหม่ของสปริงแอร์ไลน์ มีโอกาสอยู่ 3 ข้อ ได้แก่ 1.การสนับสนุนจากรัฐบาลจีน ทำให้การท่องเที่ยวระหว่างจีน-ไทยฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว 2.กลุ่มผู้บริโภคชาวจีนที่เดินทางไปยังต่างประเทศนั้น ถือว่าใหญ่เป็นอันดับหนึ่งของโลก เพราะจีนมีหลายเมือง หลายมณฑล เพียงแค่เศรษฐกิจ และประชากรของมณฑลเดียว ก็มีขนาดเกินขอบเขตเศรษฐกิจและประชากรของบางประเทศ และ 3.โอกาสระหว่างจีนและประเทศอาเซียน ที่ถือเป็นกลุ่มแรกๆ ที่เปิดรับนักท่องเที่ยวชาวจีน และเปิดกว้างที่สุด ถือเป็นกลุ่มตลาดการบินที่ใหญ่มาก และเป็นตลาดสำคัญของกลุ่มสายการบินจีน นับตั้งแต่ปี 2556