สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือ ประเมินส่งออกไตรมาส 1 ปี 66 หดตัว 3-5% จากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว

313
0
Share:
สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือ ประเมิน ส่งออก ไตรมาส 1 ปี 66 หดตัว 3-5% จากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว

นายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) ประเมินภาพรวมการส่งออกของไทยในไตรมาสแรกปีนี้ อาจเติบโตน้อยกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยคาดว่าจะติดลบ 3-5% เนื่องจากได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว แม้การส่งออกในเดือน ม.ค.จะขยายตัวได้ดีกว่าเดือนเดียวกันของปีก่อนก็ตาม แต่ทั้งปียังมั่นใจว่าจะขยายตัวได้ 1-2%

โดยระบุว่าในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีก่อนน่าจะเป็นจุดต่ำสุดแล้ว เดือนมกราคมน่าจะส่งออกไปสัก 2.2 หมื่นล้านดอลลาร์ เติบโต 3-5% แต่ไตรมาสแรกคงได้แค่ 7 หมื่นล้านดอลลาร์ ติดลบ 3-5% เพราะเติบโตน้อยกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน ไตรมาสสองจะเริ่มฟื้นตัวตามทิศทางเศรษฐกิจของจีน

ทั้งนี้ยังต้องจับต่ปัจจัยเสี่ยงที่เป็นอุปสรรคสำคัญ ได้แก่
1) ปริมาณสินค้าคงคลังของคู่ค้ายังคงทรงตัวในระดับสูง ส่งผลให้คู่ค้าชะลอคำสั่งซื้อสินค้า
2) ต้นทุนการผลิตยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะค่าไฟฟ้าที่ปรับเพิ่มขึ้น ส่งผลกระทบต่อขีดความสามารถการแข่งขันของผู้ประกอบการ และจำเป็นต้องส่งผ่านต้นทุนที่เพิ่มขึ้นไปยังผู้บริโภค (Consumer)
3) สถานการณ์ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวในทิศทางที่แข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ผู้ส่งออกสูญเสียความสามารถในการแข่งขันทางด้านราคาต่อประเทศคู่ค้าและคู่แข่งที่มีค่าเงินอ่อนกว่าไทย
4) ราคาพลังงานในตลาดโลกยังคงมีความผันผวนตามสถานการณ์การเมืองระหว่างประเทศ คาดราคาจะอยู่ที่ระดับ 80-90 ดอลลาร์/บาร์เรล

อย่างไรก็ตามสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย ได้เสนอให้ธนาคารแห่งประเทศไทยรักษาเสถียรภาพค่าเงินบาทไม่ให้มีความผันผวนเร็วเกินกว่าประเทศคู่ค้าสำคัญ โดยค่าเงินบาทที่เหมาะสมควรอยู่ที่ 34-35 บาท/ดอลลาร์ รวมทั้งทบทวนการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม และเพิ่มมาตรการช่วยเหลือ SMEs ในซัพพลายเชนการส่งออกที่อาจได้รับผลกระทบดังกล่าวควบคู่กัน

รวมทั้งขอให้ภาครัฐควบคุมหรือปรับขึ้นค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ (FT) ในภาคการผลิตแบบค่อยเป็นค่อยไป รวมถึงพิจารณามาตรการสนับสนุน เพื่ออุดหนุนการใช้พลังงานทางเลือก เช่น มาตรการทางภาษี ลดหย่อนภาษี ในการเปลี่ยนไปใช้พลังงานทางเลือกอื่นทดแทนอาทิ พลังงานแสงอาทิตย์ (Solar), พลังงานหมุนเวียน (Renewable) และพลังงานชีวมวล (Biomass) เป็นต้น ตลอดจนขอให้คณะกรรมการไตรภาคีพิจารณาการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำอย่างรอบคอบ สอดคล้องกับสภาวะทางเศรษฐกิจที่แท้จริง อีกทั้งให้ภาครัฐเร่งผลักดันกระบวนการเจรจาเขตการค้าเสรีไทย-สหภาพยุโรปให้บรรลุผลโดยเร็ว