สภาอุตสาหกรรม ชี้ 4 ปัจจัยปผ่อนคลาย จี้รัฐลดค่าไฟงวด ก.ย.-ธ.ค. 66 ลงอีก 45 สตางค์

213
0
Share:
สภาอุตสาหกรรม ชี้ 4 ปัจจัยปผ่อนคลาย จี้รัฐลด ค่าไฟ งวด ก.ย.-ธ.ค. 66 ลงอีก 45 สตางค์

วันที่ 29 มิถุนายน 2566 นายอิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่าแนวโน้มค่าไฟงวดสุดท้ายของปีนี้ (ก.ย.-ธ.ค. 2566) ควรลดลงกว่า 10% หรือไม่เกิน 4.25 บาทต่อหน่วย จากงวดปัจจุบันเดือน พ.ค.-ส.ค. 2566 อยู่ที่ 4.70 บาทต่อหน่วย

ทั้งนี้เนื่องจากส่วนตัวเห็นว่า
1. ปริมาณก๊าซจากอ่าวไทยสูงขึ้น เนื่องจากหลุมเอราวัณทยอยเพิ่มจาก 200 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันเป็น 600 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันในช่วงปลายปี
2. ปริมาณก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) นำเข้าลดลง
3. ราคาแอลเอ็นจีสปอต (ตลาดจร) ลดลงมากกว่า 30% ราคาไม่เกิน 14 เหรียญสหรัฐต่อล้านลูกบาศก์ฟุต จาก 20 เหรียญสหรัฐต่อล้านลูกบาศก์ฟุต
4. ราคาพลังงานโลก มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง
และ 5. หนี้ของการไฟฟัาฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) ทั้งงวด ม.ค.-เม.ย. 2566 และงวด พ.ค.-ส.ค. 2566 ที่ผ่านมา ลดลงเร็วกว่าแผน เพราะต้นทุนจริงของแอลเอ็นจีต่ำกว่าที่เรียกเก็บค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (เอฟที)

ส่วนปัจจัยลบมีแค่เรื่องค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง ดังนั้นสิ่งที่เอกชนและประชาชนอยากเห็นในการบริหารค่าไฟฟ้าที่ยึดประโยชน์ของส่วนรวมเป็นที่ตั้งด้วยภาระค่าเอฟที เป็นระบบคอสพลัสผลักเป็นภาระผู้บริโภค

ดังนั้นภาครัฐในทุกระดับควรมีแนวทางบริหารจัดการ โดยฝั่งนโยบายควรให้แนวทางบริหารที่เหมาะสม ในแต่ละสถานการณ์ อาทิ การแก้ปัญหาโอเวอร์ซัพพลายโรงไฟฟ้า ปลดล็อกด้านกฎระเบียบ โดยเฉพาะโซลาร์และการเร่งจัดหาแอลเอ็นจีก่อนหน้าหนาวในยุโรป

ขณะที่ฝั่งผู้ควบคุมควรประสานผู้เกี่ยวข้องอย่างทั่วถึง และเปิดเผยข้อมูล อาทิ สมมุติฐาน ต้นทุนต่างๆ ในการคำนวณเอฟที รวมทั้งพิจารณาการคาดการ์ต้นทุนที่เร็วกว่ารอตามงวด 4 เดือน และผู้ปฏิบัติการ ควรมีส่วนร่วมบริหารแบบทีมเดียวกัน เพื่อช่วยแก้ปัญหาด้านพลังงาน ค่าไฟฟ้าของประเทศให้ดีที่สุด รวมทั้งมีการเปิดเผยข้อมูลให้ผู้เกี่ยวข้องรับทราบตามหลักธรรมาภิบาล