สภาอุตสาหกรรม ห่วงค่าไฟแพงทำภาคธุรกิจย้ายฐานการผลิต จี้รัฐทบทวนลดค่าไฟ

273
0
Share:
สภาอุตสาหกรรม ห่วง ค่าไฟฟ้า แพงทำภาคธุรกิจย้ายฐานการผลิต จี้รัฐทบทวนลดค่าไฟ

นายวิวรรธน์ เหมมณฑารพ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า กรณีที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เตรียมประกาศค่าไฟฟ้าผันแปร (Ft) ในรอบเดือน พ.ค.-ส.ค.66 ที่ 98.27 สตางค์ต่อหน่วย ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าทุกประเภทมีอัตราเดียวกันที่ 4.77 บาทต่อหน่วยนั้น ส.อ.ท.ได้นำเสนอรัฐบาลถึงแนวทางการแก้ไขที่จะให้ค่าไฟฟ้าลดลงมาต่ำกว่า 4.40 บาทต่อหน่วยแล้ว เนื่องจากกังวลว่าจะส่งผลกระทบต่อการลงทุน เนื่องจากมีข่าวว่าจะย้ายฐานการผลิตไปประเทศเพื่อนบ้านที่มีค่าไฟถูกกว่ามาก

ขณะที่ผลกระทบจากต้นทุนเรื่องค่าไฟฟ้าต่อราคาสินค้านั้น ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ประกอบการกลุ่มที่ใช้พลังงานมาก เช่น กลุ่มอุตสาหกรรมเหล็ก แต่ที่ผ่านมาผู้ประกอบการยังตรึงราคาไว้เท่าเดิม ไม่ได้รับเพิ่มขึ้น เพราะเชื่อว่าจะมีการปรับลดลงตามราคาเชื้อเพลิง หากจะปรับลดราคาสินค้าลงคงต้องรอให้ค่าไฟฟ้าลงมาอยู่ที่ระดับ 4 บาทต่อหน่วย

ส่วนการที่ภาครัฐกำหนดค่าไฟฟ้าในอัตราเดียวกันทุกประเภท มองว่าผู้ประกอบการรายย่อยทั้งหมดก็ได้รับประโยชน์เช่นกัน

สำหรับความคาดหวังที่มีต่อรัฐบาลใหม่หลังเลือกตั้งนั้น นายวิวรรธน์ กล่าวว่า มุ่งหวังให้มีนโยบายที่จะเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เช่น การลงทุนในด้านวิจัยและพัฒนา การขยายตลาดต่างประเทศ ส่วนนโยบายประชานิยมนั้นภาคเอกชนก็ไม่ได้ขัดข้อง แต่อยากให้ตรงกลุ่มเป้าหมาย เพื่อให้การใช้งบประมาณเกิดประสิทธิภาพสูงสุด และเกิดความต่อเนื่องในการกระตุ้นเศรษฐกิจ

นอกจากนี้ ส.อ.ท.ยังเตรียมเชิญกลุ่มอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องหารือ เพื่อกำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหาฝุ่นพีเอ็ม 2.5 ที่กำลังเป็นปัญหาในขณะนี้ เนื่องจากเห็นว่าเกิดผลกระทบในวงกว้าง โดยเฉพาะจากการเผาป่าในประเทศเพื่อนบ้านเพื่อปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ โดยแนวทางการแก้ปัญหาคงต้องมีแผนในระระยาว ทั้งการให้ความรู้ในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ใช้ทำปุ๋ย ใช้ทำอาหารสัตว์ เพื่อสร้างแรงจูงใจให้ลดการเผา ซึ่งที่ผ่านมามีบางอุตสาหกรรมเริ่มกำหนดเงื่อนไขที่จะไม่รับซื้อสินค้าเกษตรจากเกษตรกรที่เผาวัสดุทางการเกษตร เช่น กลุ่มอุตสาหกรรมน้ำตาลทราย