“สมคิด”แนะเอกชนต้องกล้าลงทุน ป้องกันบาทแข็ง

897
0
Share:

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การลงทุนถือเป็นทางออกของไทยที่สามารถช่วยกระตุ้นและประคองเศรษฐกิจได้ และหากมีการลงทุนจะส่งผลดีทำให้เงินบาทไม่แข็งค่าไปมากกว่านี้ และขอฝากให้คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน หรือ กกร. เข้ามามีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนเรื่องนี้ เพราะการลงทุนภาคเอกชนยังนิ่งมาก โดยมีการลงทุนเพียง 16% ของจีดีพี
.
หากไม่ลงทุน รอเพียงให้ค่าเงินบาทอ่อน และรอให้เศรษฐกิจต้องหมุนคงไม่ได้ แต่ต้องคิดใหม่ว่าจะร่วมมืออย่างไรได้บ้าง
.
นอกจากนี้เอกชนควรใช้โอกาสในช่วงที่เงินบาทแข็งค่า ปรับเปลี่ยนเครื่องจักร เพื่อยกระดับประสิทธิภาพการผลิต พร้อมทั้งมอบหมายให้คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ หารือร่วมกับกระทรวงการคลัง เพื่อออกมาตรการที่ส่งเสริมให้ภาคเอกชนรับเปลี่ยนเครื่องจักรและอุปกรณ์ โดยจะมีระยะโครงการ 6 เดือน และติดตั้งเครื่องจักรให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี

.
ที่สำคัญหากจะลงทุนก็ต้องลงทุนให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงของโลกและเทคโนโลยี และหากสามารถผลักดันโครงการต่างๆในระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ EEC ได้ จะช่วยให้ต่างชาติเกิดความมั่นใจในการลงทุน
.
นอกจากนี้ต้องเดินหน้าการเปิดประมูลระบบ 5G เพื่อรองรับเศรษฐกิจดิจิทัล ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม 2563 เพราะมองว่า ระบบ 5G จะเป็นกลไกหลักสำคัญขับเคลื่อนเศรษฐกิจยุคใหม่
.
ดังนั้นต้องลงทุนเดี๋ยวนี้ อย่ารอช้า ไม่เช่นนั้นเศรษฐกิจซบเซา แม้กระทั่งนักการเมืองต้องช่วยกันสร้างบรรยากาศให้ดี
.
อย่างไรก็ตามในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมาได้มีการวางรากฐานให้ประเทศสามารถแข่งขันได้ และลดความเหลื่อมล้ำ เพราะขณะที่มีรัฐบาลใหม่เข้าสู่ช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2562 ต้องเผชิญกับภาวะตึงเครียดทางการค้า และเมื่อเข้าสู่ไตรมาสที่ 4 ต้องเผชิญกับปัญหาสำคัญ หากจะเรียกว่าเป็นระเบิดก็ได้ โดยระเบิดลูกแรกถือเป็นระเบิดเหนือน้ำ คือ เรื่องของการส่งออกที่ค่อยชะลอตัวลงจนกระทั่งติดลบ 7.7% ในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา
.
สำหรับระเบิดลูกที่สองเปรียบเป็นระเบิดใต้น้ำ คือเรื่องการขับเคลื่อนโครงการขนาดใหญ่ช้าเกินไป จากการจัดสรรงบประมาณที่ล่าช้า
.
โดยทางสำนักงบประมาณได้ให้สัญญาว่า ในไตรมาส 2 ของปีงบประมาณ 2563 จะผลักดันการเบิกจ่ายงบประมาณจาก 23% ไปสู่ 54% เพื่อให้มีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจในไตรมาสนี้ให้ได้ 1 ล้านล้านบาท และในไตรมาส 3 จะผลักดันงบประมาณจาก 54% ไปสู่ 70% และผลักดันงบประมาณให้ครบ 100% ก่อนเดือนกันยายน แต่ยังมีระเบิดลูกใหม่ คือ เรื่องของเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น