สมชัยเตือน ส.ว. อย่ากดดันตัวเลข 376 เสียงตั้งรัฐบาลใหม่ ชี้ใครก็อยากเป็นรัฐบาล

290
0
Share:
สมชัย เตือน ส.ว. อย่ากดดันตัวเลข 376 เสียงตั้ง รัฐบาล ใหม่ ชี้ใครก็อยากเป็นรัฐบาล

นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย และอดีตเลขาธิการ กกต. ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับกระแส ส.ว. งดออกเสียงสนับสนุนตั้งตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ มีด้งนี้

การงดออกเสียงของ ส.ว. ไม่ใช่หล่อ แต่คือการไม่ทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ

กระแสการประกาศงดออกเสียงของ ส.ว. จำนวนหนึ่ง โดยบอกแบบหล่อๆ ว่า ส.ว. ต้องวางตัวเป็นกลางทางการเมืองนั้นเป็นอะไรที่ดูแย่มากๆ

จำไม่ได้หรืออัลไซเมอร์ไปแล้วคือเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2562 ที่รัฐสภาลงมติเลือกคุณประยุทธ์เป็นนายกด้วยคะแนน 500 : 244 นั้น มี ส.ว. ลงมติแบบพร้อมเพรียงถึง 249 คน งดออกเสียง 1 เสียง

ทั้ง ผบ.เหล่าทัพต่างๆ ทั้ง ส.ว. อีกหลายคนที่วันนี้บอกว่าจะงดออกเสียงเพราะต้องเป็นกลางทางการเมือง วันนั้นทำไมจึงลงมติ ไม่ปล่อยให้สภาคุยกับเอง ไม่พูดว่าใครได้ 376 เสียง ก็เป็นรัฐบาลสิ

เอาละ แม้จะไม่เห็นด้วยกับหลักให้ ส.ว. เลือกนายกรัฐมนตรี แต่เมื่อเป็นข้อกำหนดในรัฐธรรมนูญในมาตรา 272 ว่า การเลือกนายกฯ ต้องกระทำในที่ประชุมรัฐสภา จึงเป็นสิ่งที่พวกท่านต้องทำหน้าที่

การมาแสดงเหตุผล “งดออกเสียง เพื่อความเป็นกลางทางการเมือง” พอคนฝ่ายที่ตั้งพวกท่านมาเป็น ส.ว. แพ้การเลือกตั้ง จึงเป็นอะไรที่ดูแย่มากๆ ไม่ใช่ความสง่างามใด ๆ เลย

ขณะที่ในช่วงเช้าวันนี้ 16 พฤษภาคม 2566 นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับกระแสการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ภายใต้กานำของพรรคก้าวไกล มีดังนี้

อย่ากดดันให้ตั้งรัฐบาล 376 เสียง เพราะความหายนะทางการเมืองรอบใหม่จะเกิดขึ้น รัฐบาล 310 เสียง ฝ่ายค้าน 190 เสียง เป็นตัวเลขที่เหมาะสม

รัฐบาลมีเสถียรภาพ มั่นคง และมีแนวนโยบายในทิศทางเดียวกันที่จะผลักดันการเปลี่ยนแปลง ฝ่ายค้านมีเสียงพอควรที่จะกำกับตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลได้อย่างมีประสิทธิภาพ

แต่หาก ส.ว. เล่นเกมงดออกเสียง แรงกดดันอาจนำไปสู่การหาเสียงในสภาเพิ่ม ซึ่งไม่ใช่เรื่องยาก เพราะทั้งภูมิใจไทย พลังประชารัฐ ประชาธิปัตย์ ชาติไทยพัฒนา ฯลฯ ล้วนเพียงรอสัญญาณ ก็พร้อมเข้าร่วมรัฐบาลทันที

รัฐบาล 376 เสียงขึ้นไปจึงไม่ใช่เรื่องยาก แต่ผลที่ตามมา อาจกลายเป็นความเสียหาย

1. รัฐบาลจะกลายเป็นรัฐบาลเสียงข้างมากเด็ดขาด กลายเป็นเผด็จการรัฐสภา ปราศจากการตรวจสอบถ่วงดุล กลายเป็นวิกฤตการณ์การเมืองรอบใหม่

2. การดำเนินการตามนโยบายของพรรค จะเป็นไปด้วยความยากลำบากเนื่องจากมีพรรคที่มีอุดมการณ์แตกต่างกันมาเป็นรัฐบาลผสม และกลายเป็นรัฐบาลแบ่งปันผลประโยชน์ตามแต่ละกระทรวงที่กำกับ

3. ทางออกในเรื่องนี้ จึงมิใช่แค่เรียกร้องให้ สมาชิกวุฒิสภา ยอมลงมติตามเสียงประชาชน แต่เพียงทางเดียว แต่พรรคก้าวไกลควรปรับท่าทีและปรับลดนโยบายที่แข็งกร้าวในบางเรื่อง เพื่อให้สมาชิกวุฒิสภาเห็นว่าเป็นพรรคที่สุขุม คัมภีรภาพ และพอรับได้

4. ทางออกนี้ คือการประนีประนอม ซึ่งอาจไม่ถูกใจสายฮาร์ดคอร์ ที่ปรารถนาการเปลี่ยนแปลงแบบพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดิน แต่หากก้าวไกลยอมรับความจริงว่าการเมืองและความสำเร็จในการบริหารประเทศ คือการต้องมีจุดรุก จุดถอยในจังหวะที่เหมาะสม

สำเร็จช้าบ้าง แต่สำเร็จย่อมดีกว่า จะดึงดันผลักดันให้สำเร็จแต่ยากจะสำเร็จ

พูดแบบคนอายุ 64 ปี