สรรพสามิตชี้นโยบายสุราก้าวหน้าสอดคล้องกับทิศทางของกรมปลดล็อกเงื่อนไขให้ผู้ผลิตทุกขนาด

203
0
Share:
สรรพสามิต ชี้นโยบาย สุราก้าวหน้า สอดคล้องกับทิศทางของกรมปลดล็อกเงื่อนไขให้ผู้ผลิตทุกขนาด

นายเกรียงไกร พัฒนาภรณ์ รองอธิบดีกรมสรรพสามิต ในฐานะโฆษกกรมสรรพสามิตระบุ นโยบายสุราก้าวหน้า(เปิดเสรี สุรา)ของพรรคก้าวไกล ที่มีสาระสำคัญที่ต้องการปลดล็อกเงื่อนไขให้มีผู้ผลิตรายย่อยและรายใหญ่ให้มากขึ้นนั้น ถือเป็นนโยบายที่สอดคล้องกับนโยบายของกรมฯอยู่แล้ว ดังนั้น หากพรรคก้าวไกลสามารถจัดตั้งรัฐบาลและเดินหน้านโยบายดังกล่าว ทางกรมฯก็ไม่ได้มีข้อจำกัดในเรื่องดังกล่าว

ทั้งนี้ ปัจจุบัน ผู้ผลิตสุรา จะแบ่งเป็น ผู้ผลิตในระดับชุมชน และ รายใหญ่ แต่ตั้งแต่ต้นเดือนพ.ย.2565 คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติปลดล็อกให้มีผู้ผลิตตั้งแต่รายกลางขึ้นไปได้ ดังนั้น ปัจจุบัน เราจึงมีผู้ผลิตในทุกขนาด คือ ตั้งแต่ขนาดเล็ก ขนาดกลาง และ ขนาดใหญ่ โดยรายเล็ก หรือ ในระดับชุมชนนั้น มีผู้ผลิตอยู่แล้วนับพันราย ส่วนรายกลางนั้น ตั้งแต่เราเปิดเงื่อนไข ขณะนี้ ยังไม่มีผู้ผลิตรายกลางยื่นจดทะเบียนเป็นผู้ผลิตเข้ามามากนัก ส่วนรายใหญ่นั้น ในปัจจุบันก็มีจำนวนไม่มากนักเช่นกัน

สำหรับผู้ผลิตสุรารายใหญ่นั้น แม้ว่าจะไม่มีข้อจำกัด แต่มองว่า ผู้ผลิตรายใหญ่อาจจะเกิดขึ้นได้ยากเนื่องจาก มูลค่าการตลาดสุรานั้น อยู่ในระดับที่คงที่มานานราว 4 แสนล้านบาทต่อปี ทำให้ไม่คุ้มค่าต่อการลงทุน สาเหตุเพราะเราห้ามการโฆษณา เพื่อป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ อย่างไรก็ดี หากมีผู้ผลิตรายใหญ่เกิดขึ้น ก็ถือว่า เป็นผลดีต่อการจัดเก็บรายได้ของกรมฯ แต่กรมฯมองว่า เนื่องจาก มูลค่าตลาดที่ทรงมานานมากที่ระดับ 4 แสนล้านบาทต่อปี ก็ไม่น่าจะมากกว่านี้ ฉะนั้น ก็มองว่า ไม่น่าจะมีรายใหญ่รายอื่นเข้ามาแข่ง เพราะอาจจะเหนื่อย ทั้งนี้ เรื่องสุรานั้น ต้องดูเรื่องการบริโภคเป็นหลัก แต่จะกังวลเรื่องคุณภาพ และการลักลอบ ถ้าเป็นญี่ปุ่น มีวินัย ถ้าเราจะทำแบบเขา รายเล็กจะต้องมีคุณภาพ ฉะนั้น อาจจะต้องมีการควบคุม

ส่วนผู้ผลิตเบียร์นั้น ปัจจุบันมีเพียงผู้ผลิตรายใหญ่และผู้ผลิตเฉพาะสถานที่ ถือว่า ยังมีข้อจำกัด เพราะการผลิตเบียร์นั้น วิธีการผลิตไม่เหมือนสุรา เพราะจะมีปัญหาเรื่องของน้ำเสีย และสิ่งแวดล้อม หากจะเปิดเสรีแบบทำเองกินเอง อาจต้องดูผลกระทบว่า เป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งเรื่องเงื่อนไขนั้น จะมีเงื่อนไขของกรมโรงงานกระทรวงอุตสาหกรรมมาเกี่ยวข้องด้วย เช่น กรณีโรงงานเบียร์ ถูกจัดผู้ผลิตในจำพวกที่ 3 ซึ่งต้องมีเกณฑ์เรื่องของสิ่งแวดล้อมเข้ามาด้วย ขณะที่ สุราไม่มีปัญหาเรื่องน้ำเสีย หรือ สิ่งแวดล้อม

โดยรอบ 7 เดือนของปีงบประมาณ 2566 ในส่วนของสุราจัดเก็บได้จำนวน 4.03 หมื่นล้านบาท หรือ 10% เมื่อเทียบกับปีก่อน สาเหตุที่เพิ่มขึ้นมาก เนื่องจากในปีที่แล้วยังปิดประเทศ สถานบันเทิงยังไม่เปิด ทำให้ยอดขายสุราตก ส่วนการจัดเก็บรายได้ของเบียร์นั้น อยู่ที่ 5.4 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นเพียง 3%เมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจาก ฐานปีที่แล้วอยู่ในระดับใกล้เคียงกัน เพราะเบียร์สามารถหาซื้อได้ในร้านค้าทั่วไป