สหรัฐติดรายใหม่กว่า 130,000 ยอดตายรายวันเกิน 1,000 ราย ขึ้นเครื่องบินต้องต้องใส่หน้ากากถึงมกราคมปีหน้า
สำนักข่าวรอยเตอร์ เปิดเผยการจัดเก็บสถิติการเสียชีวิตจากโรคระบาดโควิด-19 ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเก็บข้อมูลโดยรอยเตอร์ พบว่าใน 24 ชั่วโมงผ่านมา มีชาวอเมริกันเสียชีวิต 1,008 ราย หรือเฉลี่ยชั่วโมงละ 42 ราย ในขณะที่เมื่อเดือนกรกฎาคม ชาวอเมริกันเสียชีวิตจากโรคระบาดโควิด-19 เฉลี่ยรายวันที่ 769 ราย ซึ่งสูงที่สุดในรอบ 3 เดือน หรือนับตั้งแต่กลางเดือนเมษายนที่ผ่านมา ท่ามกลางการระบาดของโรคโควิด-19 สายพันธุ์เดลต้า หรืออินเดีย
สำนักงานความปลอดภัยการขนส่งแห่งสหรัฐอเมริกา หรือ TSA ประกาศขยายการบังคับใช้คำสั่งให้ผู้โดยสารที่เดินทางบนเครื่องบิน รถประจำทาง และรถไฟ ต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลาไปถึงวันที่ 18 มกราคม 2565 จากเดิมที่จะสิ้นสุดในวันที่ 14 กันยายนนี้ สาเหตุจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สายพันธุ์เดลต้า หรืออินเดียในสหรัฐอเมริกา ขณะเดียวกันการระบาดของสายพันธุ์ดังกล่าวเริ่มส่งผลกระทบต่อยอดจองตั๋วเดินทางในช่วงปลายปีนี้ นับตั้งแต่เริ่มมีการประกาศคำสั่งสวมใส่หน้ากากอนามัยบนทุกช่องทางการเดินทางของสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะผู้โดยสารเครื่องบิน ปรากฎว่าพบจำนวนผู้โดยสารที่แสดงพฤติกรรมก้าวร้าว หรือทำร้ายร่างกายลูกเรือมีจำนวนรวม 3,889 ครั้ง ในจำนวนดังกล่าวนั้น มีเกือบ 74% เป็นเรื่องเกี่ยวกับความไม่พอใจในการบังคับสวมใส่หน้ากากอนามัยบนเครื่องบิน
นายเกร็ก แอ็บบอท ผู้ว่าการรัฐเท็กซัส ซึ่งเป็นผู้ไม่เห็นด้วย และสั่งห้ามใส่หน้ากากอนามัย รวมถึงต่อต้านการบังคับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคระบาดโควิด-19 ในรัฐเท็กซัส ถูกตรวจพบติดโรคระบาดโควิด-19 สายพันธุ์เดลต้า โดยไม่แสดงอาการ ในขณะที่อัตราเฉลี่ยการติดเชื้อรายวันในรอบ 7 วันติดต่อกันที่รัฐเท็กซัสซึ่งเผชิญการระบาดรอบที่ 4 เพิ่มขึ้นมาเป็นกว่า 15,000 ราย ซึ่งเพิ่มขึ้น 6% เทียบจากสัปดาห์ที่ผ่านมา
ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคระบาดแห่งชาติสหรัฐอเมริกา หรือ CDC เปิดเผยว่า สถานการณ์การระบาดทั้งสหรัฐอเมริกาในรอบ 24 ชั่วโมงผ่านมาถึงวันที่ 17 สิงหาคม(ตามเวลาในสหรัฐ) พบผู้ติดเชื้อรายใหม่มากถึง 137,307 ราย ทำสถิติเป็นยอดติดเชื้อรายวันมากกว่าวันละ 100,000 รายเป็นวันที่ 12 จาก 13 ติดต่อกัน ส่งผลต่อยอดติดเชื้อสะสมเป็น 37,896,582 ราย ขณะที่พบผู้เสียชีวิตรายใหม่เพิ่มขึ้น 873 ราย ส่งผลยอดเสียชีวิตสะสมเพิ่มเป็น 640,093 ราย
ศูนย์ CDC กล่าวต่อไปว่า ในช่วงสุดสุดสัปดาห์ที่พี่งผ่านมา พบว่า 5 รัฐที่มีจำนวนเตียงผู้ป่วยเหลือน้อยลงต่อเนื่อง ได้แก่ ฟลอริดา 28.2% หลุยส์เซียน่า 20.4% มิสซิสซิปปี 18.7% ฮาวาย 12.1% โอเรกอน 11.4% นอกจากนี้ มี 5 รัฐที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันต่อประชากร 100,000 ราย เพิ่มสูงมากที่สุด ได้แก่ หลุยส์เซียน่า 126 ราย มิสซิสซิปปี 110 ราย ฟลอริดา จำนวน 101 ราย ฮาวาย จำนวน 47 ราย และโอเรกอนจำนวน 39 ราย ท่ามกลางอัตราเฉลี่ยทั้งประเทศสหรัฐอเมริกาอยู่ที่ 39 รายต่อประชากร 100,000 ราย
ทั้งนี้ การฉีดวัคซีนป้องกันโรคระบาดโควิด-19 ในสหรัฐอเมริกาจนถึงวันที่ 17 สิงหาคม (ตามเวลาในสหรัฐอเมริกา) พบว่า มีการจัดส่งวัคซีนกระจายไปทั่วสหรัฐอเมริกาเป็นจำนวน 417.4 ล้านโดส ด้านการฉีดวัคซีนอย่างน้อย 1 เข็ม พบว่าฉีดไปแล้ว 198.9 ล้านคน และฉีดครบโดสถึง 168.8 ล้านคน
