สหรัฐและญี่ปุ่นพบสายพันธุ์โอไมครอน BA.2 อาจทำให้ป่วยรุนแรงกว่าเชื้อดั้งเดิม

624
0
Share:
โอไมครอน BA.2
นายแพทย์ดาเนียล โรดส์ ผู้เชี่ยวชาญชีววิทยา คลินิกคลีฟแลนด์ รัฐโอไฮโอ สหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า ผลการตรวจสอบและศึกษาเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สายพันธุ์โอไมครอนรอง รหัสพันธุกรรม BA.2 พบว่า สายพันธุ์ BA.2 อาจมีความย่ำแย่มากกว่าสายพันธุ์โอไมครอนดั้งเดิม BA.1 และอาจสามารถแพร่ระบาดดีกว่าเดิม ที่สำคัญทำให้เกิดอาการเจ็บป่วยรุนแรง
.
ด้านผลการศึกษาจากห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์จากประเทศญี่ปุ่น โดยนายเคอิ ซาโตะ นักวิจัยวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยโตเกียว ญี่ปุ่น พบว่า สายพันธุ์โอไมครอนรอง BA.2 มีความสามารถในการทำให้เกิดอาการเจ็บป่วยรุนแรง ได้ใกล้เคียงกับสายพันธุ์เดลต้าที่มีความรุนแรงทั้งในแง่อาการ และการเสียชีวิต นอกจากนี้ สายพันธุ์รอง BA.2 สามารถหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันที่เกิดจากการฉีดวัคซีนป้องกันโรคระบาดโควิด-19 ที่สำคัญ ยังต่อต้านกับการรักษาด้วยยา Sotrovimab หรือชื่อทางการค้าว่า Xevudy เป็นยารักษาโควิด-19 ด้วยแอนติบอดี ซึ่งพัฒนาขึ้นโดยความร่วมมือระหว่างบริษัท GlaxoSmithKline (GSK) บริษัทยายักษ์ใหญ่ของสหราชอาณาจักร และบริษัท Vir Biotechnology จากสหรัฐ
.
ผลการศึกษาทั้งหมดตามข้างต้นได้ถูกเก็บไว้ใน bioRxiv เมื่อคืนวานนี้ ซึ่งเป็นแหล่งอ้างอิงเอกสารงานวิจัยและผลการศึกษาทางการแพทย์ชั้นนำระดับโลก ก่อนที่จะถูกตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์ที่วงการแพทย์ทั่วโลกใช้เป็นที่อ้างอิง
.
ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคระบาดแห่งชาติ สหรัฐอเมริกา หรือ CDC เปิดเผยว่า สายพันธุ์โอไมครอนรอง หรือ BA.2 มีความสามารถในการแพร่ระบาดระหว่าง 30-50% มากกว่าสายพันธุ์โอไมครอนในปัจจุบัน ข้อมูลถึงวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2565 สายพันธุ์โอไมครอนรอง BA.2 ระบาด 74 ประเทศ และระบาด 47 รัฐจากทั้งหมด 50 รัฐในสหรัฐอเมริกา
.
องค์การอนามัยโลก หรือ WHO เปิดเผยรายงานการระบาดโรคโควิด-19 ประจำสัปดาห์ ล่าสุดว่า สำหรับในต่างประเทศนั้น ประเทศที่พบการระบาดของสายพันธุ์โอไมครอนรอง BA.2 เป็นสายพันธุ์หลัก ได้แก่ บังคลาเทศ บรูไน(อาเซียน) จีนแผ่นดินใหญ่ เดนมาร์ก กวม อินเดีย มอนเตเนโกร เนปาล ปากีสถาน และฟิลิปปินส์ นั่นหมายถึงพบการระบาดในทวีปเอเชียเป็นส่วนใหญ่ในปัจจุบัน