สะอึกผลตอบแทนเล่นหุ้นไทยผ่านมา 5 ปีรวมเหลือแค่ 1% ลงทุนหุ้นต่างประเทศกลับรับเห็นๆ 10%

ดร.ณชา อนันต์โชติกุล ผู้อำนวยการอาวุโส หัวหน้าฝ่ายวิจัย KKP Research บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ผลตอบแทนย้อนหลังจากการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา หรือตั้งแต่ปี 2018 มาถึงปี 2023 ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยต่ำเพียงแค่ 1% ต่อปีเท่านั้น เมื่อนำไปเปรียบเทียบกับผลตอบแทนจากการลงทุนในดัชนีหุ้น MSCI World หรือดัชนีเฉลี่ยตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลก กลับสร้างผลตอบแทนเฉลี่ยสูงมากถึง 10% ต่อปี

สาเหตุจากเป็นผลหลักจากธุรกิจที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยยังคงมีแต่ธุรกิจดั้งเดิม และมีการเติบโตที่จำกัด ส่งผลให้ภาพรวมของตลาดหุ้นไทยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมานั้นสร้างผลตอบแทนที่ไม่ดีเมื่อเปรียบเทียบกับตลาดหุ้นอื่นๆทั่วโลก

ผู้อำนวยการอาวุโส หัวหน้าฝ่ายวิจัย KKP Research บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) กล่าวต่อไปว่า ภาพรวมของเศรษฐกิจไทยมีการเติบโตที่ลดลงจากระดับ 5% ต่อปี ลดลงเหลือ 3% ต่อปี เมื่อเศรษฐกิจไทยมีขนาดเล็กลง ทำให้ธุรกิจในประเทศได้รับผลกระทบด้วย โดยธุรกิจในตลาดหุ้นไทยยังอยู่ในธุรกิจดั้งเดิม ทำให้ความสามารถในการทำกำไรและการเติบโตไม่ดีนัก

สะท้อนจากตัวชี้วัดสำคัญ ได้แก่ กำไรต่อหุ้นหรือ EPS ในปี 2561 ระดับ 100 บาทต่อหุ้น ลดลงเหลือระดับ 90 บาทต่อหุ้นในปี 2565 อีกทั้งความสามารถในการทำกำไรที่สะท้อนจากผลตอบแทนจากการลงทุน หรือ ROE ปี 2556-2560 ที่ระดับ 11% แต่พอมาถึงในปี 2562-2565 เหลือระดับ 3% ดังนั้นประเทศไทยต้องหาอุตสาหกรรมที่เป็นเครื่องยนต์ในการเดินหาเศรษฐกิจไทยใหม่ต่อไป

ทั้งนี้ ข้อมูลสภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทยถึงเมื่อวานนี้ 5 กันยายน 2566 พบว่า ดัชนีหุ้นไทย SET Index เฉพาะใน 3 เดือนผ่านมากระเตื้องขึ้นเบาบางเพียง +1.09% ในขณะที่ดัชนีหุ้นไทย SET Index ดำดิ่งมากถึง -3.67% และ -7.24% ในช่วง 6 เดือนผ่านมา และในช่วงตั้งแต่ต้นปีนี้ตามลำดับ ด้านดัชนีหุ้นไทย Mai Index ล้วนตกต่ำทั้ง 3 ช่วงระยะเวลา ได้แก่ 3 เดือน, 6 เดือน และตั้งแต่ต้นปีนี้ พบว่า ร่วงระนาว -1.24%, -13.74% และ -17.70% ตามลำดับ