ควอนตัส กรุ๊ป (Qantas) ซึ่งเป็นสายการบินชั้นนำระดับโลกจากประเทศออสเตรเลีย เปิดเผยว่าได้ตัดสินใจยุติกิจการสายการบินต้นทุนต่ำที่อยู่ในเครือ ซึ่งมีศูนย์กลางให้บริการในประเทศสิงคโปร์มีชื่อว่าสายการบินเจ็ทสตาร์ เอเชีย โดยจะให้บริการเป็นวันสุดท้ายในวันที่ 31 กรกฎาคม 2025 ส่งผลให้ภายใน 7 สัปดาห์จากนี้ไป เจ็ทสตาร์ เอเชียจะทยอยลดจำนวนเที่ยวบินและลดการให้บริการในเส้นทางบินไปยังเอเชียตะวันออก เอเชียใต้ และอาเซียน รวมใน 6 ประเทศบน 16 เส้นทางบินที่บินทั้งไปและกลับจากฐานบินของเจ็ทสตาร์ เอเชียในประเทศสิงคโปร์ ได้แก่ ไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย ญี่ปุ่น ศรีลังกา ฟิลิปปินส์ จีน และออสเตรเลีย
สำหรับตลาดของสายการบินต้นทุนต่ำเจ็ทสตาร์ เอเชีย ในประเทศไทยนั้น ปัจจุบันเปิดให้บริการเที่ยวบินระหว่างสิงคโปร์กับ กรุงเทพฯ สุวรรณภูมิ ภูเก็ต และกระบี่ ในอดีตผ่านมา เคยให้บริการมายังหาดใหญ่และอู่ตะเภา ดังนั้นจากการตัดสินใจยุติกิจการของสายการบินเจ็ทสตาร์ เอเชียในสิงคโปร์ครั้งนี้ ย่อมส่งผลให้จะไม่มีธุรกิจของสายการบินนี้ในประเทศไทยอีกต่อไปหลังจากวันที่ 31 กรกฎาคม 2025
อย่างไรก็ตาม การยุติธุรกิจดังกล่าวเป็นเพียงแค่เฉพาะศูนย์กลาง หรือฐานการบินของเจ็ทสตาร์ เอเชียจากประเทศสิงคโปร์ ดังนั้น สายการบินเจ็ทสตาร์ ญี่ปุ่น และสายการบินเจ็ทสตาร์ แอร์เวย์ ที่ทำการบินเข้าและออกจากประเทศออสเตรเลียและญี่ปุ่นยังคงให้บริการตามปกติ
ที่สำคัญ การยุติธุรกิจสายการบินต้นทุนต่ำของเจ็ทสตาร์ เอเชียจากศูนย์กลางการบินในประเทศสิงคโปร์ในครั้งนี้ ส่งผลให้พนักงานของสายการบินดังกล่าวจำนวน 500 คนได้รับผลกระทบ สายการบินดังกล่าวเปิดเผยว่าจะดำเนินการจ่ายผลตอบแทนชดเชยตามกฏหมาย และเสนอโอกาสในการจ้างงานไปยังสายการบินอื่นๆ
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือซีอีโอ สายการบินแควนตัส แอร์ไลน์ แวนเนสซ่า ฮัดสัน ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของสายการบินต้นทุนต่ำเจ็ทสตาร์ เอเชีย เปิดเผยว่าการยุติให้บริการสายการบินต้นทุนต่ำดังกล่าวเป็นไปตามนโยบายและแผนกลยุทธ์ในการปรับโครงสร้างและรูปแบบธุรกิจการบิน โดยจะมีการโยกย้ายฝูงบินของสายการบินเจ็ทสตาร์เอเชียที่ใช้เครื่องบินแอร์บัส รุ่นเอ 320 ทั้งหมด 13 ลำ ไปสนับสนุนในเส้นทางบินแบบบริการเต็มรูปแบบ ในตลาดหลักสำคัญได้แก่ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์
นอกจากนี้ ปัจจัยอื่นๆที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจการบินของสายการบินต้นทุนต่ำดังกล่าวมาจากการแข่งขันของธุรกิจสายการบินต้นทุนต่ำที่รุนแรงอย่างต่อเนื่อง ค่าใช้จ่ายในการทำการบินเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะค่าลงจอด และค่ารักษาเครื่องบินที่ทำการจอดในแต่ละสนามบิน รวมถึงค่าใช้จ่ายที่เพิ่มสูงขึ้นจากบรรดาซัพพลายเออร์ตามจุดหมายปลายทางของเส้นทางบินต่างๆ พบว่าค่าใช้จ่ายส่วนนี้พุ่งสูงถึง 200%
ในด้านผลประกอบการของสายการบินเจ็ทสตาร์เอเชียก่อนที่จะมีการยุตติการให้บริการในวันที่ 31 กรกฎาคมนี้พบว่ามีผลการดำเนินงานขาดทุน ก่อนหักภาษีและค่าใช้จ่ายอื่นๆอยู่ที่ 22.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 750 ล้านบาท
ทั้งนี้ สายการบินต้นทุนต่ำเจ็ทสตาร์ เอเชีย ก่อตั้งขึ้นเมื่อ 19 พฤศจิกายน 2004 และเริ่มต้นให้บริการเที่ยวบินแรกเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2004 หรือเมื่อ 21 ปีที่ผ่านมา โดยบริษัทแม่คือสายการบินแควนตัสแอร์ไลน์ถือหุ้น 49% และอีก 51% ถือหุ้นโดยเวสท์บรูค อินเวสท์เมนท์
