สายหุ้นลุ้น! คอหุ้นลุ้น 3 กรณีใน 3 วันโหวตพิธานั่งนายกรัฐมนตรี ดัชนีเข้าโซนอันตรายแน่

215
0
Share:
สายหุ้นลุ้น! คอ หุ้น ลุ้น 3 กรณีใน 3 วันโหวต พิธา นั่ง นายกรัฐมนตรี ดัชนีเข้าโซนอันตรายแน่

บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) โดยฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ เปิดเผยการประเมินความเป็นไปได้ และ ผลกระทบที่จะมีต่อดัชนีหุ้นไทย หรือ SET Index ในวันลงมติเลือกนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย ซึ่งจะมีขึ้นถึง 3 วัน โดยอาจเป็นครั้งแรกของประวัติศาสตร์ประเทศไทย และอาจเป็นประเทศเดียวในโลก ที่มีการกำหนดวันลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีถึง 3 วัน

ฝ่ายวิจัยดังกล่าว ได้คาดการณ์ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นไว้ 3 กรณี มีดังนี้

กรณีสมาชิกวุฒิสภา หรือสว.ลงมติสนับสนุนนายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรี โดยได้เสียงสนับสนุนเกิน 376 เสียงขึ้นไป จาก 750 เสียง และเป็นการโหวตในครั้งแรกเท่านั้นในวันที่ 13 กรกฎาคมนี้ คาดการณ์ว่ากรอบการเคลื่อนไหวดัชนีหุ้นไทย หรือ SET จะอยู่ระหว่าง 1,550-1,600 จุด

กรณี สว.ไม่ลงมติสนับสนุนนายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรี แต่นายกรัฐมนตรีกลับเป็นตัวแทนจากพรรคใดพรรคหนึ่งจาก 8 พรรคที่ลงนามในวาระร่วม หรือ MOU การจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งอาจจะเสนอชื่อแคนดิเดตจากพรรคร่วมขึ้นมาแทน คาดการณ์ว่ากรอบการเคลื่อนไหวดัชนีหุ้นไทย หรือ SET อยู่ระหว่าง 1,480-1,550 จุด

และกรณี สว. ไม่ลงมติสนับสนุนนายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรี และเกิดการเปลี่ยนขั้วในการจัดตั้งรัฐบาลขึ้น คาดการณ์ว่าทำให้ดัชนีหุ้นไทย หรือ SET Index เผชิญกับปัจจัยเสี่ยงรอบใหม่อีกครั้ง สถานการณ์ดังกล่าวทำให้ต้องทบทวนพรรคร่วมรัฐบาลใหม่อีกครั้งว่าจะมีพรรคใดร่วมจัดตั้งกันบ้าง

อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิจัย บล.เอเชีย พลัส มองว่าแนวทางที่เชื่อว่าส่วนใหญ่น่าจะอยากให้จบตั้งแต่กรณีแรก หรืออย่างน้อยก็เป็นกรณีที่ 2 ซึ่งทำให้สภาพการลงทุนในตลาดหุ้นไทยอาจไปต่อได้

ถ้าพรรคเพื่อไทยกลายเป็นแกนนำขึ้นมาแทนพรรคก้าวไกล นโยบายก็น่าจะเป็นประโยชน์ และเป็นมิตรกับตลาดทุนมากกว่าพรรคก้าวไกล

หากเกิดกรณีสุดท้าย เกิดเหตุการณ์การเปลี่ยนขั้วพรรคร่วมรัฐบาล ด้วยการผลักดันพรรคก้าวไกลไปเป็นฝ่ายค้าน สถานการณ์ที่เกินคาดหมายและนำไปสู่ความวุ่นวายในสังคมเกิดขึ้น จะส่งผลต่อบรรยากาศการลงทุนในทิศทางลบทันที

ทั้งนี้ ในสัปดาห์นี้ นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 แถลงว่า การลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีในเบื้องต้นกำหนดไว้ 3 วัน คือวันที่ 13 ก.ค.66 นี้ ซึ่งหากการโหวตยังไม่ได้ จะให้เลือกรอบ 2 วันที่ 19 ก.ค. และ รอบ 3 วันที่ 20 ก.ค. 66 ซึ่งน่าจะเพียงพอแล้ว แต่หากยังไม่ได้อีก ก็ต้องมีการหารือกันใหม่