สื่อดังอเมริกามองเศรษฐาขึ้นนายกฯ เปิดโอกาสฟื้นสัมพันธ์กับสหรัฐ หลังจากไทยจูบปากจีน

239
0
Share:
สื่อดังอเมริกามอง เศรษฐา ขึ้น นายก ฯ เปิดโอกาสฟื้น สัมพันธ์ กับ สหรัฐ หลังจากไทยจูบปากจีน

วอลสตรีทเจอร์นัล หรือ WSJ ซึ่งเป็นสำนักข่าวและสื่อด้านเศรษฐกิจการเมือง และการลงทุนชื่อดังระดับโลกจากสหรัฐอเมริกา เปิดเผยบทความเชิงวิเคราะห์เกี่ยวกับนายเศรษฐกิจ ทวีสิน ได้รับการลงมติเห็นชอบจากรัฐสภาไทยให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของประเทศไทย ว่าจะเป็นโอกาสที่สหรัฐอเมริกาจะได้ฟื้นคืนความสัมพันธ์กับประเทศไทย ในฐานะพันธมิตรหลักอีกครั้งหนึ่ง โดยก่อนหน้านี้ประเทศไทยเอนเอียงไปสร้างความสัมพันธ์กับประเทศจีนแผ่นดินใหญ่เมื่อช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

ด้านความสัมพันธ์ทางทหารระหว่างสหรัฐอเมริกากับไทย ทั้งสองประเทศเป็นเจ้าภาพการฝึกซ้อมทางทหารร่วมกันข้ามประเทศที่ใหญ่ที่สุด ซึ่งหมายถึงการฝึกซ้อมร่วมทางทหารชื่อว่า คอบร้าโกลด์ นอกจากนี้ ประเทศไทยยังเป็นผู้ซื้ออาวุธรายใหญ่ของสหรัฐอเมริกา รวมถึงการแลกเปลี่ยนส่งเจ้าหน้าที่ทางทหารของไทยมารับการฝึกอบรมที่โรงเรียนเสนาธิการของสหรัฐอเมริกา

อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์ดังกล่าวกลับกลายเป็นความตึงเครียดมากขึ้น สาเหตุจากการทำรัฐประหารในปี 2557 หรือเมื่อ 8 ปีผ่านมา ทำให้รัฐบาลสหรัฐสั่งยุติการสนับสนุนทั้งการขายอาวุธและการฝึกทหารร่วมกันทั้ง 2 ชาติ หลังจากนั้น ประเทศไทยได้สร้างความสัมพันธ์กับประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลสหรัฐอเมริกาก็ได้กลับมาฟื้นความสัมพันธ์ครั้งใหม่กับประเทศไทยอีกครั้ง หลังจากรัฐบาลไทยจัดให้มีการเลือกตั้งในปี 2562 ถึงแม้ว่าการเลือกตั้งดังกล่าวในปี 2562 ผู้นำการทำรัฐประหารเมื่อ 8 ปีที่แล้วยังอยู่ในอำนาจก็ตาม

การที่ประเทศไทยมีนายกรัฐมนตรีมาจากพลเรือน ซึ่งผ่านการเลือกตั้งทั่วไปในไทย ซึ่งนำโดยพรรคหนึ่งที่สนับสนุนประชาธิปไตย จึงอาจจะส่งผลทำให้รัฐบาลสหรัฐอเมริกามีโอกาสในการเข้าไปมีส่วนร่วมกับประเทศไทยมากขึ้นในอนาคต

วอลสตรีทเจอร์นัล ได้นำเสนอมุมมองของนักวิชาการมีชื่อว่า นายริชาร์ด ยาร์โรว์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์ภูมิภาคเอเชีย สถาบันวิทยาลัยฮาร์วาร์ดเคนเนดี้ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สหรัฐอเมริกา โดยระบุว่า ประเทศไทยเริ่มจะพัฒนาชื่อเสียง แต่ว่าเป็นไปในทางที่ไม่ดี เนื่องจากประเทศไทยมีการรัฐประหารหลายครั้ง มีความไม่แน่นอนสูงว่าใครจะเป็นรัฐบาล ความไม่แน่นอนสูงนี้ ไม่ได้ช่วยทำให้เกิดการลงทุนจากต่างชาติ และไม่ได้ช่วยทำให้เกิดการลงทุนภายในประเทศด้วย