“สุวิทย์ เมษินทรีย์”ชี้แจงกระแสการลาออกตำแหน่งรัฐมนตรี

738
0
Share:

นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และรักษาการรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) กล่าวถึงกระแสข่าวเตรียมนัดหารือนายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และรักษาการหัวหน้า พปชร. และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และรักษาการเลขาธิการ พปชร.เกี่ยวกับการลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่า วันนี้ตนยังทำงานอยู่ ตอนนี้ทุกคนต้องช่วยกันทำงาน ต้องช่วยนายกฯนำพาวิสัยทัศน์ของประเทศไปข้างหน้าในช่วงหลังวิกฤติโควิด-19 ที่หลายคนมองว่าจะเป็นวิกฤติ
.
ส่วนการโพสต์เฟซบุ๊คถึงเรื่องการปล่อยวางนั้น เป็นการเตือนตัวเอง ไม่ได้ปลงกับปัญหา วันนี้นายกฯให้โจทย์มาอีกเยอะ ตอนนี้มีหน้าที่ทำงาน และแม้ตนจะเป็นรองหัวหน้า พปชร.แต่ไม่ค่อยคุ้นชินกับงานการเมือง และเมื่อเป็นรัฐมนตรีก็มาช่วยนายกฯ ในการขับเคลื่อนหลายเรื่อง และปกติตนก็โพสต์ข้อความในวันอาทิตย์ที่เป็นเรื่องสบายๆ
.
ถามว่าถอดใจหรือไม่นั้น เราทำงาน ทำจนวินาทีสุดท้าย ตอนนี้แม้มีความคิดหลากหลายก็ต้องมาคุยกันว่า การเมืองหลังโควิด-19 ควรจะเป็นยังไง รูปแบบการเมืองที่ทำกันอยู่แบบเดิมๆตอบโจทย์หรือไม่
.
ส่วนกรณีที่ตนหารือกับนายสนธิรัตน์ และนายอุตตมนั้น เพราะเราเป็นคู่กรณี ถ้ามีโอกาสก็ต้องคุยกัน ส่วนหนึ่งเป็นเรื่องสปิริต 3 กุมารเรามาด้วยกันก็ต้องไปด้วยกัน แต่ไม่เกี่ยวกับการทำงาน ก่อนหน้านี้พวกตนคือ 4 กุมารลาออกจากรัฐบาลคสช.เพื่อไปตั้งพรรคใหม่ เป็นอารมณ์ของการที่มาด้วยกัน ก็ต้องไปด้วยกัน ก็ต้องคุยกัน ซึ่งการตัดสินใจจะไม่ใช้อารมณ์ และเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ แต่เป็นเรื่องภายในพรรค 4 กุมารเป็นกรรมการบริหาร แต่นายสมคิดเป็นอาจารย์ของตน และให้การสนับสนุน 4 กุมารมาตลอด ก็แล้วแต่ท่าน
.
แต่ถ้าแยกให้ออกเรื่องนี้เป็นเรื่องภายใน ก็ต้องมาคุยกัน ซึ่งจริงเท็จไม่รู้ แต่มีการพูดกันว่าการปรับเปลี่ยนผู้บริหารพรรคเชื่อมโยงกับการปรับเปลี่ยน ครม. ซึ่งข้อเท็จจริงการปรับครม.เป็นเรื่องของนายกฯ แล้วไม่ว่าจะคุยกันยังไงก็ตาม ต้องเคารพท่านนายกฯ ตัดสินใจยังไงก็ตาม ต้องหารือนายกฯก่อน และการลาออกจาก ครม.หรือไม่หลังการหารือทั้งสามคน ต้องให้เกียรตินายกฯ เพราะท่านเป็นคนเลือกเรามา
.
ส่วนจะสมัครเป็นรองหัวหน้าพรรคอีกหรือไม่นั้น คิดว่าพอแล้ว อันนี้เดี๋ยวค่อยมาว่ากัน การทำหน้าที่รักษาการตรงนี้ ไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่าการทำงานให้เต็มที่ ส่วนช่องโหว่ความสัมพันธ์กับส.ส.นั้น หากยังทำงานในฐานะรัฐมนตรีคือสิ่งที่ต้องปรับปรุง เพราะเรื่องนี้เป็นจุดอ่อนที่ให้เขามาตีเราได้ เรื่องนี้ตนไม่ปฏิเสธ แต่จะปรับปรุงเพื่อไปบริหารพรรคใหม่หรือไม่นั้น ต้องขอคิดอีกที
.
เมื่อถามว่า นายสมคิดได้ส่งสัญญานอะไรมาหรือไม่ นายสุวิทย์ กล่าวว่า ท่านก็ส่งสัญญานเหมือนที่ถามกับสื่อว่าเบื่อหรือไม่ ซึ่งตนก็บอกว่าสู้อยู่ ไม่ได้สู้ทางการเมือง แต่สู้ในเนื้องานของกระทรวง แต่ตนก็รับรู้ว่ามีสิ่งนี้เกิดขึ้น จะไปนิ่งนอนใจไม่ได้