ส่งออก มี.ค. สูงเป็นประวัติการณ์ แต่เริ่มเห็นสัญญาณชะลอตัว คาดปีนี้ส่งออกแตะ 6.1%

397
0
Share:
ส่งออก

ศูนย์วิจัยไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า การส่งออกเดือนมีนาคม 2022 มีมูลค่าสูงสุดนับตั้งแต่มีการเก็บข้อมูลที่ 28,859.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว19.5% เร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 16.2% และหากพิจารณาเทียบกับเดือนกุมภาพันธ์ (ปรับผลของฤดูกาล) การส่งออกจะขยายตัว 7.3% อย่างไรก็ตาม เมื่อหักทองคำ (ซึ่งเป็นสินค้าที่ไม่ได้สะท้อนภาวะการค้าที่แท้จริง) มูลค่าการส่งออกขยายตัวอยู่ที่ 9.5% ชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ 13.2% สอดคล้องกับดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อในภาคการผลิตโลก (Global Manufacturing PMI) และดัชนีคำสั่งซื้อจากต่างประเทศ (Export Orders) ที่ปรับลดลงต่ำที่สุดในรอบ 18 เดือน และ 20 เดือน ตามลำดับ สะท้อนทิศทางการชะลอตัวในภาคการผลิตและการค้าโลกในระยะข้างหน้า

สำหรับการส่งออกไทยในเดือนมีนาคมมีสินค้าส่งออกหนุนสำคัญนอกจากทองคำหลายสินค้า เช่น คอมพิวเตอร์ อัญมณีและเครื่องประดับ ไขมันและน้ำมันจากพืชและสัตว์ น้ำตาลทราย เป็นต้น และมีตลาดสำคัญที่ขยายตัวได้ดีคือ อาเซียน-5 อินเดีย และตะวันออกกลาง ในภาพรวมมูลค่าส่งออกไทยไตรมาสแรกของปีขยายตัว 14.9%

ส่งออกไทยเริ่มได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของอุปสงค์รวมถึงปัญหาชะงักชะงันของอุปทานโลกจากภาวะสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน โดยส่งออกไทยไปรัสเซียและยูเครน เดือนมีนาคมหดตัวถึง 73% และ 77.8% ตามลำดับ ประกอบกับการใช้มาตรการควบคุมโรคที่เข้มงวดของจีน ซึ่งเป็นผู้เล่นสำคัญในห่วงโซ่อุปทานโลก ทั้งนี้ถึงแม้ว่าที่ผ่านมาผลกระทบต่อมูลค่าส่งออกไทยจะยังจำกัด

แต่ EIC คาดว่าการส่งออกของไทยจะได้รับผลกระทบมากขึ้นในระยะถัดไป สะท้อนจากข้อมูลการส่งออก 20 วันแรกของเดือนเมษายนของเกาหลีใต้ที่ยังทรงตัวและอาจมีแนวโน้มชะลอตัวลง หากจีนยังคงดำเนินมาตรการควบคุมโรคที่เข้มงวดต่อไป และหลายอุตสาหกรรมที่พึ่งพาตลาดยุโรปสูงอาจได้รับผลกระทบ อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมบางกลุ่มก็อาจได้รับอานิสงส์จากการส่งออกสินค้าเพื่อทดแทนสินค้าจากรัสเซียในตลาดยุโรปและอาจขยายส่วนแบ่งตลาดได้

EIC คาดการส่งออกไทยในปี 2022 ยังขยายตัวต่อเนื่อง โดย EIC ปรับคาดการณ์มูลค่าส่งออกสินค้าไทยขยายตัวที่ 6.1% สูงกว่าคาดการณ์เดิมที่ 3.4% โดยถึงแม้เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มชะลอตัวจากผลกระทบของภาวะสงคราม ทำให้ปริมาณส่งออกไทยอาจขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงในระยะข้างหน้า แต่ราคาสินค้าส่งออกของไทยจะมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ตามราคาสินค้าและโภคภัณฑ์ที่สูงขึ้นทั่วโลก โดยเฉพาะสินค้าพลังงาน จากผลกระทบของสงครามรัสเซีย-ยูเครน เนื่องจากรัสเซียและยูเครนเป็นผู้ส่งออกโภคภัณฑ์ที่สำคัญหลายชนิด ประกอบกับแนวโน้มเงินบาทที่อาจอ่อนค่าในระยะสั้นจากแรงกดดันจากความต้องการถือสินทรัพย์เสี่ยงที่ลดลง ดุลบัญชีเดินสะพัดที่มีแนวโน้มขาดดุลมากขึ้น และการขึ้นดอกเบี้ยของหลายเศรษฐกิจสำคัญทั่วโลก จะสนับสนุนความสามารถในการแข่งขันด้านราคาของภาคส่งออกไทย ส่งผลให้ส่งออกขยายตัวสูงกว่าประมาณการเดิม