หนี้ครัวเรือนไทยปีเสือขยับไปต่อถึง 92% ของจีดีพี

443
0
Share:
หนี้ครัวเรือน

ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า แม้ในปี 2565 จะยังคงเห็นยอดคงค้างหนี้ครัวเรือนไทยเติบโตต่อเนื่อง แต่ก็น่าจะเป็นอัตราการเติบโตในระดับที่ใกล้เคียงกับเศรษฐกิจมากขึ้น ดังนั้น จึงยังคงตัวเลขประมาณการสัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพีในปี 65 ไว้ที่กรอบ 90-92% ต่อจีดีพี โดยสัดส่วนหนี้ต่อจีดีพีมีโอกาสขยับขึ้นเล็กน้อยจากตัวเลขคาดการณ์ในปี 64 ที่ 90.5%

แม้ครัวเรือนไทยยังคงก่อหนี้เพิ่ม แต่ก็มีสัญญาณระมัดระวังมากขึ้น สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจที่ยังคงได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19

ข้อมูลในไตรมาส 3 ปี 2564 พบว่ายอดคงค้างหนี้ครัวเรือนไทยอยู่ที่ 14.35 ล้านล้านบาท ขยับขึ้นราว 4.2% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อนหน้านั้น และชะลอลงเมื่อเทียบกับ 5.1% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อนหน้านั้นในไตรมาส 2/64 ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่า ระดับหนี้สินของครัวเรือนที่ขยับขึ้นในไตรมาส 3/64 ใกล้เคียงกับการเพิ่มขึ้นของมูลค่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจ

ส่งผลให้สัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพีในช่วงไตรมาส 3 ปีที่แล้ว ยังคงทรงตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 89.3% เท่ากับในไตรมาส 2 ในปีเดียวกัน โดยหนี้สินของภาคครัวเรือนส่วนใหญ่จะยังคงเป็นหนี้บ้าน ซึ่งศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า ลักษณะการก่อหนี้ของครัวเรือนในไตรมาส 3 ปี 2564 แตกต่างจากช่วงไตรมาสก่อนๆ ตรงที่มีสัญญาณของการก่อหนี้เพิ่มเพื่อเสริมสภาพคล่อง และ/หรือรองรับรายจ่ายในชีวิตประจำวันมากขึ้น โดยหนี้สินครัวเรือนที่เพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากการขยับขึ้นของหนี้เพื่อที่อยู่อาศัย หนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล และหนี้เพื่อการประกอบอาชีพตามลำดับ ซึ่งเป็นผลจากการแพร่ระบาดของโควิดระลอกสาม

ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจ ธนาคารกสิกรไทย ประเมินว่า สำหรับแนวโน้มหนี้ครัวเรือนไทย สถานการณ์การระบาดที่ยืดเยื้อต่อเนื่อง อาจทำให้ประชาชนรายย่อยและภาคครัวเรือนใช้ความระมัดระวังมากขึ้นในการก่อหนี้เพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องเฝ้าระวังสถานการณ์โควิดอย่างใกล้ชิด ส่วนโจทย์เฉพาะหน้าของครัวเรือนไทยที่มีภาระหนี้ ยังคงเป็นการดูแลสมดุลระหว่างรายจ่ายแลรายได้เพื่อคงความสามารถในการชำระหนี้ ตลอดจนการเร่งติดต่อสถาบันการเงินเพื่อรับมาตรการช่วยเหลือที่เหมาะสมเมื่อประสบปัญหา เช่น การปรับโครงสร้างหนี้