‘หมอกัมปนาท’ ชี้ไทยผ่านจุดพีคของเวฟนี้ไปแล้วเมื่อสัปดาห์ก่อน คาดขาลงอาจต้องใช้เวลาอีก 2-3 เดือน

626
0
Share:

นพ.กัมปนาท พรยศไกร ศัลยแพทย์ระบบทางเดินปัสสาวะ เจ้าของเพจ Sarikahappymen โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุ “อัพเดตข่าวดีเล็กๆ ในวันที่ยอด Covid ไทยครบ 1 ล้าน เมื่อเช้าหลายคนคงเห็นตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่และหลายเพจก็ลงสรุปให้ว่าถึงหนึ่งล้านแล้ว ก็คงขวัญหนีดีฝ่อกันไปและคิดว่ามันจะยังไงต่อนะครับ

.

หลายคนคงจำได้ว่าเมื่อ 2 อาทิตย์ก่อนที่ผมเคยเขียนไว้เรากำลังจะมาถึงจุดพีคของเวฟแล้วใช่ไหมครับ ที่ว่าให้เกาะเสาเรือนกันให้ดี ๆ จากนั้นผ่านมา 2 อาทิตย์ ผมว่าเราเริ่มจะเห็นข่าวดีบ้างแล้วหละครับ

.

จากตัวเลขยอดผู้ติดเชื้อล่าสุด 2 สัปดาห์ รวมกับสถิติในหลายประเทศ และธรรมชาติของโรค เมื่อเอามาทำกราฟเทียบ ผมว่าเราน่าจะผ่านจุดพีคของเวฟเดลต้านี้ไปแล้วหละครับที่ 23,000 เมื่อสัปดาห์ก่อนและจากนี้กราฟมันก็จะเริ่มสัญญาณกลับหัวลงแล้วครับ หลายคนก็คงสงสัยว่าลงจากอะไร อันนี้ก็ต้องบอกว่าจากหลายๆ ปัจจัยร่วมกันครับ ตั้งแต่

.
1.ธรรมชาติของโรค คือทุกอย่างในโลกนี้มันไม่มีอะไรสูงสุดตลอดกาลหรอกครับ มีพีคก็มีแผ่ว โรคระบาดก็เช่นกันมันก็จะบุกเราเป็นระลอก มีช่วงหนัก ช่วงเบา ดูอย่างอินเดีย อินโด ที่ยอดติดวันละ 4 แสน ตายกันเต็มแม่น้ำคงคา พอถึงเวลามันจะซา ยอดก็ลดลงไปดื้อ ๆ นั่นแหละครับ

2.การฉีดวัคซีน ถึงเห็นว่าระบบจัดสรรจะมั่วซั่วขนาดไหน แต่สุดท้ายเห็นเงียบๆ ฉีดเพียบนะครับ คือตอนนี้เรามีคนไทยที่ได้วัคซีนเข็มแรกกันไปแล้วถึง 18 ล้านคน หรือก็ 1 ใน 4 ของประเทศแล้ว และก็ยังฉีดเพิ่มกันทุกวันเฉลี่ยวันละ 4-5 แสนคน คือก็ฉีดข้ามหัวเราไปมานี่แหละครับ ซึ่งแต่ละคนภูมิก็อาจขึ้นสูงบ้างต่ำบ้างตามแต่ละชนิดหรือจำนวนโดสที่ได้ แต่มันก็ขึ้น ไม่ใช่ถึงขนาดฉีดน้ำเปล่านะครับ

3.ยอดคนติด ตอนนี้เรามียอดคนติดเชื้อล้านคน ก็เท่ากับคนกลุ่มนี้ก็จะมีภูมิธรรมชาติอยู่แล้วล้านนึง และยิ่งสมมติที่เราบอกกันว่าตรวจน้อยกว่าความเป็นจริง 10 เท่า ก็แปลว่าข้างนอกก็ต้องมีคนติดเชื้อแบบไม่มีอาการอยู่ 10-20 ล้านคน ก็เท่ากับคนกลุ่มนี้ก็ต้องเริ่มมีภูมิด้วยเช่นกันนั่นแหละครับ และถ้ารวมกับยอดคนฉีดวัคซีนด้วยก็แปลว่าเรามีคนที่มีภูมิอย่างน้อยเกือบ 1 ใน 3 หรือบางทีเกือบครึ่งประเทศแล้วนะครับ

.

ซึ่งจากหลาย ๆ อย่าง รวมถึงที่คนส่วนใหญ่ก็ยังช่วยกันระมัดระวังตัวเองอยู่ ยังใส่หน้ากาก ล้างมือ เว้นระยะห่าง รวมถึงมาตรการล๊อคดาวน์ที่ถึงแม้จะทำแบบโคตะระหลวมแต่ก็ช่วยชะลอยอดใหม่ได้บ้างไม่มากก็น้อย ก็เลยทำให้เราน่าจะผ่านจุดพีคของมันไปได้แล้วหละครับ

.

แล้วจะเป็นยังไงต่อ จบเลยไหม
ก็ต้องบอกว่าเราแค่ผ่านจุดพีคครับ แต่มันยังไม่จบ กราฟไม่หลอกใคร เราขึ้นเขาจากเดลต้ามา 2-3 เดือน ขาลงก็ต้องใช้เวลา 2-3 เดือนเช่นกัน ก็คือจะต้องมีผู้ติดเชื้อวันละ 19,000 > 18,000 >17,000 ไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะราบเรียบ ก็คืออย่างน้อยจะต้องมีผู้ติดเชื้อใหม่อีก 3-4 แสนคนนั่นแหละครับ
และเช่นเดียวกัน จากสถิติทุกประเทศ ยอดพีคผู้เสียชีวิตก็มักจะเกิดตามหลังพีคผู้ติดเชื้อประมาณ 1-2 อาทิตย์ ก็แปลว่ากว่าจะจบเวฟในอีก 2-3 เดือน เราจะต้องเห็นยอดผู้เสียชีวิตอีก 2-3 พันคนเช่นกันครับ

.

ที่พูดถึงไม่ใช่ไม่มีความรู้สึกหรือมองว่ามันเป็นแค่ตัวเลขนะครับ แต่มันคือธรรมชาติที่โหดร้ายของโรคที่มันเกิดกับทุกประเทศ ทุกที่ผ่านแบบนี้มาหมด เมกาตายไป 6 แสน อังกฤษตายไปแสนสาม เยอรมันตายไป 9 หมื่น และประเทศเรากำลังพยายามกดมันให้ดีที่สุดที่หมื่นต้นๆ นี่แหละครับ

.

ก็เป็นภาพรวมคร่าว ๆ ที่มาอัพเดตให้ในรอบ 2 สัปดาห์นะครับ ย้ำเหมือนเดิมว่าตอนนี้ยังเป็นช่วงเวลาที่ลำบาก และเราต้องอยู่ไปอีกพักใหญ่ๆ แต่มันเริ่มมีสัญญาณรำไรว่ามันจะค่อย ๆ ดีขึ้นแล้ว ก็ยังต้องระวังตัวกันอย่างเคร่งครัด ให้คิดว่า Covid มันคือฝน มันมีทั้งช่วงหนักและเบา และเราต้องทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้ตัวเราเปียก การสวมหน้ากาก ล้างมือ เว้นระยะห่าง ก็เหมือนเรากางร่ม การฉีดวัคซีนก็เหมือนใส่เสื้อกันฝน การล๊อคดาวน์ก็เหมือนเราเข้าไปหลบฝนในตึก คือมันต้องทำทุกอย่างร่วมกันแหละครับ ทำอย่างใดอย่างหนึ่งก็ไม่รอด เพราะเกมส์นี้เราไม่ได้เป็นคนกำหนดแต่เป็นไวรัสที่มันคิดกติกาและมันไม่ต่อรอง ถ้าพลาดหรือเผลอก็ติดจริง ป่วยจริงไม่ใช่การแสดงครับ

.

ก็ขอให้ทุกคนมีสุขภาพกาย สุขภาพใจที่แข็งแรง มีสติที่เข้มแข็งนะครับ หากเครียดหรือเริ่มดาวน์ก็อาจจะเลิกเล่น Social หรือสนใจข่าวไปซักพักและหันมาระมัดระวังตัวเองและคนรอบตัวให้ดีสุดก็พอ เราต้องอยู่แบบมีความหวังครับและเชื่อว่าถึงมันจะเลวร้ายแค่ไหนเดี๋ยวมันก็ผ่านไป ก็ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนผ่านช่วงเวลานี้ไปได้ด้วยกันทุกคนนะครับ” ข่าวดีเล็กๆ วันทะลุล้าน ไทยผ่านจุดพีค แต่ไม่จบเวฟ ยังคงเป็นช่วงลำบาก