หมอตอกย้ำโควิดกลายพันธุ์ใหม่ XBB.1.16 ให้ตระหนักแต่อย่าตะหนก พร้อมเตือนให้ไปฉีดวัคซีน

193
0
Share:
หมอตอกย้ำ โควิด-19 กลายพันธุ์ใหม่ XBB.1.16 ให้ตระหนักแต่อย่าตะหนก พร้อมเตือนให้ไปฉีดวัคซีน

นพ.พงศกร จินดาวัฒนะ ผู้อำนวยการอาวุโสโครงการพิเศษพัฒนาศักยภาพด้านการสื่อสาร ประจำศูนย์การแพทย์ โรงพยาบาลกรุงเทพ โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ “อาร์คทัวรัสมาแล้วววว” มีเนื้อหาว่า

1. อาร์คทัวรัส (Arcturus) หรือดาวดวงแก้ว เป็นดาวในกลุ่มดาวนายพรานที่มีความสุกสว่างมากบนฟากฟ้า

ตอนนี้น้องได้กลายมาเป็นชื่อของโควิดกลายพันธุ์ใหม่ XBB.1.16 ที่ทั่วโลกต้องจับตาเป็นที่เรียบร้อยจ้าาา

2. หลังจากปล่อยให้ชาวโลก หายใจโล่งๆกันมาระยะหนึ่ง โควิดกลับมาทวงบัลลังก์คืนละครับ น้องดาวดวงแก้วเป็นรุ่นเหลนของโอมิครอนครับ พบครั้งแรกที่อินเดียเมื่อปลายเดือนมีนาคม 2566 ที่ผ่านมานี่เอง นักวิจัยพบว่าน้องมีการเปลี่ยนแปลงโปรตีนหนามในตำแหน่งที่สำคัญ ราวๆสามจุด ทำให้มันมีศักยภาพหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันได้ดีมากๆ เกาะเซลล์ได้ดีมากๆๆๆ และมีความสามารถในการกลายพันธุ์ได้ง่ายมากๆ ด้วย

3. ดาวดวงแก้ว (ชื่อคล้ายนวลเนื้อแก้วเลยแฮะ) กำลังจะกลายมาเป็นแม่ของโควิดทุกสถาบันในเร็ววันนี้

4. แม่ทุกสถาบัน ยังไง…
– มันติดง่ายมาก คนที่ฉีดวัคซีนแล้ว คนที่เคยเป็นโควิดมาแล้ว สามารถเป็นได้อีกครับ
– นั่นทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อในโรงพยาบาลของประเทศไทย ทะยานขึ้นอย่างรวดเร็ว เฉพาะวันที่ 9-15 เมษายน 2566 ที่ผ่านมา พบว่า มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ จำนวน 435 คน เฉลี่ยวันละ 62 คน เพิ่มขึ้นประมาณ 7 เท่าเมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา
– อย่าลืมนะครับว่า ตัวเลขนี้ คือคนป่วยที่มาโรงพยาบาล น่าจะมีคนอีกจำนวนมากที่รักษาตัวเอง กินยาเองอยู่ที่บ้าน ดังนั้นตัวเลขของผู้ติดเชื้อน่าจะมีมากกว่านี้หลายเท่า
– หมายความว่าถ้าหากดาวดวงแก้วยังมีการระบาดในอัตราที่รวดเร็วเช่นนี้ อีกไม่กี่สัปดาห์น้องดาว จะคุมพื้นที่การระบาดแทนสายพันธุ์เก่าในอีกไม่นาน

5. อาการของอาร์คทัวรัส ยังคล้ายกับการติดเชื้อโควิดอื่นๆ ที่ผ่านมา ลักษณะเด่น นอกจากไข้ ไอ มีน้ำมูก อ่อนเพลียแล้ว เท่าที่มีโอกาสได้คุยกับคนไข้ก็คือ
– อาการตาแดง เนื่องจากเยื่อบุตาอักเสบ
– ขี้ตาเหนียว ลืมตาไม่ขึ้น
– อาการไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รับรส
– และอาการเจ็บคอมากๆ เหมือนมีดบาดครับ

6. อย่างไรก็ตาม อย่างที่ผมเน้นเสมอว่าตระหนัก แต่อย่าตระหนกครับ ถึงจะระบาดไว เป็นแล้วก็เป็นได้อีก แต่หนูดาวดวงแก้ว ไม่ได้ทำให้เกิดอาการป่วยรุนแรงถึงชีวิตมากกว่าโควิดตัวเก่าๆ ยังไม่ดื้อยา และยังสามารถรักษาได้ด้วยแนวทางเดิม สิ่งสำคัญสำหรับเราก็คือ รักษามาตรการทางสาธารณสุขให้ดี และไปรับวัคซีนเข็มกระตุ้น หากได้รับเข็มสุดท้ายนานเกิน 4 เดือนครับ

7. คงไม่ต้องสงสัยแล้วว่า การฉีดวัคซีนสามารถลดการแพร่กระจายและความรุนแรงของโรคได้อย่างมีนัยสำคัญ เพราะวิจัยทุกฉบับยืนยันตรงกันครับ โดยแนวทางการฉีดวัคซีนในปัจจุบันที่กระทรวงสาธารณสุขของประเทศไทยแนะนำคือ ให้ฉีดวัคซีนอย่างน้อย 3 เข็ม แต่ละเข็มห่างกันประมาณ 3-4 เดือน สิ่งนี้เรียกว่า “วัคซีนพื้นฐาน” และควรฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นตามคำแนะนำของแพทย์สำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงครับ

8. สำหรับความถี่ในการฉีดวัคซีนไวรัสโควิดเข็มกระตุ้นนั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยความเสี่ยงส่วนบุคคล เช่น อายุ โรคประจำตัวและสภาวะสุขภาพอื่นๆ ประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศทางแถบยุโรป แนะนำให้บุคคลอายุ 18 ปีขึ้นไป ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น โดยเป็นวัคซีน mRNA ทุก 6 เดือนครับ

9. วัคซีนเข็มกระตุ้น ยังมีความปลอดภัยสูง อาจจะมีผลข้างเคียงตามปกติของการฉีดวัคซีน แต่คุ้มค่ากว่าปล่อยให้ป่วยครับ ผู้ที่ฉีดวัคซีนพื้นฐานร่วมกับวัคซีนเข็มกระตุ้นรวมห้าเข็ม วิจัยพบว่ามีภูมิคุ้มกันมากกว่าบุคคลที่ได้รับวัคซีนพื้นฐานอย่างเดียวมากถึง 5-10 เท่าเลยละครับ