หมอธีระแนะระวัง 3 แรงจากโควิด หากป้องกันไม่ดี ระบาดมากขึ้น-ติดเชื้อซ้ำ-พันธุ์ใหม่
รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า…สถานการณ์ระบาดของไทย เมื่อวานนี้จำนวนติดเชื้อใหม่ รวม ATK สูงเป็นอันดับ 8 ของโลก และอันดับ 3 ของเอเชีย ในขณะที่จำนวนเสียชีวิตเมื่อวาน สูงเป็นอันดับ 9 ของโลก ทั้งนี้จำนวนคนเสียชีวิตของไทยเมื่อวานนั้นคิดเป็น 23.24% ของการเสียชีวิตทั้งหมดที่รายงานของทวีปเอเชีย
…อัพเดตแนวทางการรักษาโรคโควิด-19 ของ WHO
ล่าสุด 22 เมษายน 2565 มีการอัพเดตแนวทางการรักษาโควิด-19 เป็นการทบทวนครั้งที่ 10 โดยอิงหลักฐานวิชาการแพทย์จากงานวิจัยต่างๆ ที่ได้รับการยอมรับ สาระสำคัญคือ การแนะนำอย่างมั่นใจ (strong recommendation) ให้ใช้ Paxlovid (Nirmatrelvir/ritonavir) ในผู้ป่วยที่มีอาการไม่รุนแรง แต่มีความเสี่ยงสูงต่อการป่วยจนต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาล ยาอื่นๆ ที่มีคำแนะนำในระดับอ่อนลงมาคือ Molnupiravir, Remdesivir ฯลฯ ดังรูป
จึงเป็นข้อมูลระดับสากลที่ประเทศไทยควรนำมาใช้จัดบริการดูแลรักษาประชาชน ทั้งนี้ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาหรืออื่นๆ ที่ไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ที่ผ่านขั้นตอนการศึกษาวิจัยตามมาตรฐานสากล หรือยังไม่เป็นที่ยอมรับในวงการแพทย์
…สามแรง…ที่อาจมาพร้อมกันหากป้องกันไม่ดีพอ
แรงแรก…จากการระบาดต่อเนื่องจากเดิมทั้งในกลุ่มเสี่ยง คนที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน รวมถึงที่ฉีดแล้วแต่ไม่ป้องกันตัว หนุนเสริมการระบาดมากขึ้นหลังช่วงเทศกาลที่ผ่านมา น่าจะเริ่มส่งผลให้เห็นได้ราวปลายเดือนนี้แต่จะต่อเนื่องไปในพฤษภาคม
แรงที่สอง…จากการติดเชื้อซ้ำในหมู่คนที่เคยติดมาก่อน ทั้งที่ได้หรือไม่ได้วัคซีน แต่ไม่ได้ป้องกันตัว
และแรงที่สาม…จากสายพันธุ์ย่อยใหม่ๆ ที่อาจเข้ามา เช่น BA.4 และ BA.5 ซึ่งมีคุณสมบัติหลบหลีกภูมิคุ้มกันได้เพิ่มขึ้นกว่า BA.2 เดิม และอีกสายพันธุ์ที่น่าจับตาคือ BA.2.12.1
สุดท้ายแล้วที่จะเป็นปัญหาระยะยาวคือ สึนามิจาก Long COVID ดังนั้นนโยบายและมาตรการระดับชาติจึงไม่ควรผลีผลาม ประชาชนในสังคมก็ควรตระหนักถึงสถานการณ์จริงว่าไม่ปลอดภัย ควรป้องกันตัวอย่างสม่ำเสมอ ไม่ติดเชื้อย่อมดีที่สุด…
อ้างอิง : A living WHO guideline on drugs for covid-19. BMJ. 22 April 2022