หมอยงเผยติดพันธ์ุโอไมครอนแล้วจะมีภูมิต้านทาน ชี้ 5 เหตุผลอาการโอไมครอนรุนแรงลดลง

440
0
Share:
โควิด

ศ.นพ. ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะด้านไวรัสวิทยา คลินิกภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊กเกี่ยวกับเหตุผลที่ทำให้สายพันธุ์โอไมครอนมีอาการของโรครุนแรงน้อยลง ดังนี้

1. การติดเชื้อในเด็กเพิ่มมาก เด็กติดเชื้อส่วนใหญ่จะไม่รุนแรง อาการเหมือนหวัดหรือไม่มีอาการ อาการจะรุนแรงสูงตามอายุที่มากขึ้น โดยเฉพาะผู้สูงอายุ

2. ผู้ใหญ่ส่วนใหญ่ได้รับวัคซีนแล้วจำนวนมาก รวมทั้งผู้สูงอายุทำให้อาการของโรคลดลง

3. ด้วยตัวไวรัสเองการศึกษาในสถานการณ์จริง เช่นในแอฟริกาใต้ ปรับตัวแปรต่างๆ แล้ว โอมิครอนสร้างความรุนแรงน้อยกว่าเดลตา

4. จากการศึกษาในเซลล์ทดลองโอมิครอน ชอบเยื่อบุเซลล์ทางเดินหายใจส่วนต้นมากกว่าเนื้อเยื่อถุงลมปอด เป็นเหตุผลให้ไวรัสลงปอดได้น้อยกว่า

5. ตามหลักวิวัฒนการของสิ่งมีชีวิต ตามทฤษฎีของชาร์ล ดาร์วิน สิ่งมีชีวิตจะต้องปรับตัวให้เหมาะสมเพื่อความอยู่รอด ไวรัส ปรับตัวเข้าหาเซลล์เจ้าบ้าน เพื่อความอยู่รอด มนุษย์ติดเชื้อแล้วก็มีภูมิต้านทาน ไวรัสก็พยายามปรับตัว ให้อยู่กับเซลล์เจ้าถิ่นให้ได้ดีที่สุด ถ้าทำลายเซลล์เจ้าบ้านมากก็ไม่มีบ้านอยู่เหมือนกัน เชื่อว่าไวรัสทางเดินหายใจหลายตัว ในอดีตที่อุบัติขึ้นในระยะแรกก็ก่อให้เกิดความรุนแรงของโรค และปรับตัวเป็นโรคประจำถิ่น

ประเทศเดนมาร์ก ในช่วงระบาดหนักปลายปี 2563 – 2564  เข้าใจว่าเป็นสายพันธุ์อัลฟา หรืออังกฤษ วันที่ 20 ธ.ค.63 มีผู้ป่วย 4,043 คน ค่าเฉลี่ย 7 วัน อยู่ที่ 3,332  คนต่อวัน มีผู้เสียชีวิตวันละ 30 คน เฉลี่ย 7 วันอยู่วันละ 30 คนเช่นกัน การระบาดในช่วงปี 64 ในวันที่ 27 ธ.ค.64 มีผู้ป่วย  41,035 คน (10 เท่า) และค่าเฉลี่ย 7 วัน ในช่วงดังกล่าวเสียชีวิต  12 คนต่อวัน แสดงการเสียชีวิตในรอบที่แล้วกับรอบใหม่ อัตราการตายต่อผู้ป่วย ต่างกันอย่างมาก

“การติดเชื้อทั่วโลก ขณะนี้เพิ่มมากขึ้นวันละเป็นล้าน แต่อัตราตายโดยเฉลี่ยลดลงกว่าในอดีตมาก ตัวเลขขณะนี้จะนับจำนวนผู้ป่วย เฉพาะผู้ที่ทำการตรวจยืนยันแล้วเท่านั้น ผู้ป่วยส่วนมากที่มีอาการ แล้วไม่ได้ตรวจ เช่น ในประเทศที่การตรวจ  RT-PCR  ไม่ทั่วถึง และการที่ป่วยแบบไม่มีอาการ ก็มีอีกจำนวนมาก  เมื่อรวมแล้วน่าจะเป็นจำนวนมากกว่ายอดที่แจ้งให้องค์การอนามัยโลก”

เมื่อติดเชื้อแล้วก็จะมีภูมิต้านทานเกิดขึ้น และการติดเชื้อครั้งต่อไปอาการความรุนแรงก็จะลดลง เหมือนโรคทางเดินหายใจอื่นๆ  ประกอบกับ มีผู้ที่ได้รับวัคซีนอีกจำนวนมาก ปัจจุบันฉีดวัคซีนแล้วมากกว่า  9,000 ล้านโดส เมื่อรวมกันแล้วน่าจะมีประชากรหลายพันล้านคนที่มีภูมิต้านทานแล้ว จากการติดเชื้อหรือได้รับวัคซีน

ด้วยเหตุผลดังกล่าว เมื่อประชากรส่วนใหญ่มีภูมิเกิดขึ้น และความรุนแรงของโรคน้อยลง อัตตราตายของโรคในปัจจุบันจึงมีลดลงมาโดยตลอด และในที่สุดเชื่อว่า องค์การอนามัยโลก จะเลิกนับจำนวนผู้ป่วย และหลังจากนั้น ก็จะทำการตรวจเฉพาะผู้ที่มีอาการของโรคเท่านั้น จะไม่เหวี่ยงการตรวจ  RT-PCR ที่มีราคาแพงมากมายเหมือนในปัจจุบัน จะตรวจในผู้ที่มีอาการหรือกลุ่มเสี่ยง ที่ต้องการรักษาหรือมีอาการมาก โดยเฉพาะเมื่อมียารักษาจำเพาะเพื่อลดความรุนแรง  และทุกคนก็จะยอมรับและปรับตัวได้มากขึ้น