หมออนันต์เผยวัคซีนโควิด-19 พ่นเข้าจมูก ต้องสื่อสารให้ดี ทำมาแก้จุดอ่อนวัคซีนกันไข้หวัดใหญ่

480
0
Share:

ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา นักไวรัสวิทยา ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ โพสต์เฟซบุ๊กเกี่ยวกับความแตกต่างระหว่างวัคซีนไข้หวัดใหญ่ และวัคซีนโควิด-19 แบบฉีดพ่นจมูก

จุดที่เหมือนกันระหว่างวัคซีน 2 ชนิดนี้ มีเพียงสิ่งเดียวคือ การนำส่งแบบฉีดพ่นทางจมูก แต่ความแตกต่างมีหลายประเด็น จำเป็นต้องสื่อสารให้เข้าใจ

วัคซีนไข้หวัดใหญ่ หรือ ที่รู้จักกันในชื่อ Flumist เป็นไวรัสเชื้อเป็นอ่อนฤทธิ์ ซึ่งเป็นไวรัสไข้หวัดใหญ่ที่ยังสามารถติด และเพิ่มจำนวนได้เหมือนกับไวรัสในธรรมชาติ เพียงแต่ว่า ไวรัสชนิดนี้ถูกปรับเปลี่ยนวิธีการเลี้ยงมาเป็นเวลานานให้ตอบสนองไวมากๆต่ออุณภูมิในร่างกาย หลักการใช้งานคือ อุณหภูมิในโพรงจมูกจะมีอุณหภูมิที่ต่ำกว่าส่วนอื่นๆ ของร่างกาย ไวรัสจะสามารถติดและเพิ่มจำนวนได้ในบริเวณส่วนนี้ แต่จะไปที่อื่นโดยเฉพาะปอดไม่ได้

เพราะอุณหภูมิที่สูงกว่าจะเป็นตัวกำหนดให้ไวรัสไปต่อไม่ได้ แต่เนื่องจากวัคซีนชนิดนี้ยังเป็นไวรัสที่แบ่งตัวได้อยู่ ร่างกายของคนที่มีภูมิไม่ค่อยดี เช่น ในเด็กเล็กมากๆ หรือผู้สูงอายุบางคน อาจป่วยจากการติดเชื้อไวรัสลักษณะนี้ได้ ภูมิน้อย เจอไวรัสไม่ค่อยเก่งก็อาจจะแพ้ได้

ข้อแตกต่างที่เห็นได้ชัดในวัคซีนโควิด-19 แบบพ่นจมูกที่หลายๆ ที่ทั่วโลกทำวิจัยกันอยู่คือ ไม่มีการใช้ไวรัสที่สามารถแบ่งตัวได้ หรือ live virus มาเป็นวัคซีน สาเหตุอาจเป็นเพราะข้อจำกัดข้างต้นที่วัคซีนไข้หวัดใหญ่มีประเด็นมา วัคซีนโควิด-19 แบบพ่นจมูกจะใช้ไวรัสเวกเตอร์ ที่มีการตัดยีนสำคัญของไวรัส เพื่อป้องกันการเพิ่มจำนวนตัวเองหลังพ่นเข้าสู่โพรงจมูกแล้ว เป็นวิธีการที่ทำให้ไวรัสทำหน้าที่ตัวนำส่งโปรตีนกระตุ้นภูมิเข้าสู่ร่างกายและไม่ต้องแบ่งตัวต่อ

คนที่มีภูมิน้อยจะไม่มีปัญหากับวัคซีนในรูปแบบนี้ ยกตัวอย่างที่เห็นชัดๆคือ ไวรัส แอสตราเซนเนกา ที่คนไทยฉีดเข้ากล้ามกันทุกวันตอนนี้มีความปลอดภัยอย่างไร ไวรัสรูปแบบเดียวกันก็คือ วัคซีนที่ใช้พัฒนาแบบฉีดพ่นจมูก เทคโนโลยีปัจจุบันก้าวหน้าไปมาก เชื่อว่าวัคซีนไข้หวัดใหญ่แบบพ่นทางจมูกในอนาคต ก็จะถูกปรับปรุงให้สามารถลดผลข้างเคียงโดยใช้รูปแบบเดียวกับวัคซีนโควิด-19 ได้เช่นกัน