หยุดตกแล้ว! หยุดราคาน้ำมันดิบโลกร่วง 6 วันติด ปิดขึ้นเหนือ 75 ดอลลาร์

81
0
Share:
หยุดตกแล้ว! หยุดราคา น้ำมันดิบ โลกร่วง 6 วันติด ปิดขึ้นเหนือ 75 ดอลลาร์

ตลาดซื้อขายน้ำมันดิบ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2023 ที่ผ่านไป พบว่า ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 71.23 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +1.89 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +2.7% นับเป็นครั้งแรกในรอบ 2 วันผ่านมาที่ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ย้อนกลับปิดเหนือ 70 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เมื่อวันพฤหัสบดีผ่านมา ราคาน้ำมันดิบทำสถิติปิดต่ำสุดในรอบ 6 เดือน หรือตั้งแต่วันที่ 6 มิถุนายน ผ่านมา นอกจากนี้ ตั้งแต่วันที่ 3-8 ธันวาคมผ่านมา ยังส่งผลราคาน้ำมันดิบปิดลดลง 6 วันติดกันรวม -8.52 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -11.39% ทำสถิติราคาน้ำมันดิบร่วงติดต่อกันยาวนานในรอบ 7 เดือน หรือตั้งแต่พฤษภาคม 2023 ในสัปดาห์นี้ราคาปิดลดลง -3.8%

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2565 มีราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ สหรัฐอเมริกา พุ่งขึ้นสูงสุดที่ 130.50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ที่สูงสุดนับตั้งแต่กันยายน 2008 หรือในรอบ 13 ปี 5 เดือน

ด้านราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 75.84 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +1.79 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +2.4% ขณะที่เมื่อวันพฤหัสบดีผ่านมา ทำสถิติราคาปิดต่ำสุดในรอบ 6 เดือน หรือตั้งแต่วันที่ 6 มิถุนายนผ่านมา นอกจากนึ้ ส่งผลราคาน้ำมันดิบปิดลดลง 6 วันติดกันตั้งแต่ระหว่างวันที่ 3-8 ธันวาคมผ่านมา รวม -6.99 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -9.23% ในสัปดาห์นี้ราคาปิดลดลง -3.8%

ในปี 2022 ผ่านไปราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ มีราคาสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2008 หรือในรอบ 13 ปี 7 เดือน โดยเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 มีขึ้นมาสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 139.13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

สาเหตุจากนักลงทุนได้ปัจจัยบวกจากตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรในสหรัฐอเมริกาเดือนพฤศจิกายน เพิ่มขึ้นถึง 199,000 คน ซึ่งสูงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 180,000-190,000 คน ที่สำคัญ อัตราการว่างงานกลับลดต่ำลงมาอยู่ที่ระดับ 3.7% ซึ่งลดลงจากในเดือนตุลาคมที่เพิ่มขึ้นแตะระดับ 3.9% ซึ่งเป็นสถิติว่างงานที่สูงในเกือบรอบ 2 ปี สะท้อนถึงความต้องการบริโภคน้ำมันดิบในสหรัฐมีต่อเนื่อง

เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2023 กลุ่มโอเปกพลัสมีมติเห็นตรงกันให้ขยายเวลามาตราลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบของทั้งกลุ่มต่อไป รวมถึงให้ลดปริมาณการผลิตน้ำมันลงอีก ส่งผลปริมาณการผลิตน้ำมันดิบลดลงวันละ 2.2 ล้านบาร์เรล มีผลตั้งแต่ไตรมาสที่ 1 ใน 2024 เป็นต้นไป อย่างไรก็ตาม ปริมาณดังกล่าวน้อยกว่าที่ตลาดคาดไว้ว่าจะลดการผลิตลงวันละมากกว่า 2-3 ล้านบาร์เรล

สำหรับการลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบลงอีกนั้น ประกอบด้วย ซาอุดิอาระเบียยังคงลดกำลังการผลิตลงวันละ 1 ล้านบาร์เรลเช่นเดิม แต่รัสเซียลดการผลิตลงจากปัจจุบันอีกวันละ 200,000 บาร์เรล รวมเป็นลดผลิตวันละ 500,000 บาร์เรล นอกจากนี้ มีอีก 6 ประเทศที่ลดกำลังการผลิต เช่น สหรัฐอาหรับเอมิเรตลดผลิตวันละ 163,000 บาร์เรล อิรักลดผลิตน้ำมันดิบลงอีกวันละ 220,000 บาร์เรล

อย่างไรก็ตาม สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ หรือไออีเอ เปิดเผยว่า ได้ปรับเพิ่มการคาดการณ์ความต้องการใช้น้ำมันดิบทั่วโลกทั้งในปี 2023 นี้ และในปี 2024 ด้วย กลุ่มโอเปกพลัสประเมินความต้องการใช้น้ำมันดิบทั่วโลกในปี 2024 เพิ่มขึ้นจากภาวะเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาและจีนจะขยายตัวขึ้น ทำให้ปัจจัยพื้นฐานของราคาน้ำมันดิบยังคงแข็งแกร่ง แต่การที่ราคาน้ำมันดิบร่วงตกต่ำเนื่องจากเกิดภาวะเทขายราคาน้ำมันดิบมากเกินราคาแท้จริง