หลัง 1 ธ.ค.ห้ามครอบครอง 3 สารเคมี

848
0
Share:

น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาประกาศคำสั่งกรมวิชาการเกษตรที่ 1511/2572 เรื่อง การแจ้งการครอบครองและการส่งมอบสารเคมี 3 ชนิดที่คณะกรรมการวัตถุอันตรายมีมติยกเลิกใช้ โดยผู้ที่ครอบครองต้องแจ้งกรมวิชาการเกษตรภายใน 15 วันหลังจากประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ธันวาคม 2562 จากนั้นต้องส่งมอบภายใน 15 วันเพื่อทำลาย
.
หลังจากนี้ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมจะลงนามในประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมยกเลิกใช้สารเคมี 3 ชนิดตามมติคณะกรรมการวัตถุอันตราย ดังนั้นเพื่อให้ผู้ประกอบการ ร้านจำหน่าย และเกษตรกรที่ครอบครอง 3 สาร รับทราบวิธีปฏิบัติอย่างถูกต้อง โดยจะประชุมสารวัตรเกษตรและอาสาสมัครสารวัตรเกษตรทั่วประเทศ เพื่อสร้างความเข้าใจเรื่องข้อควรปฏิบัติหลังการยกเลิกใช้สารเคมี 3 ชนิด ซึ่งก่อนวันที่ 1 ธ.ค.นี้ ต้องไปให้คำแนะนำแก่ผู้ประกอบการ ร้านจำหน่ายสารเคมีทางการเกษตรให้ส่งคืนบริษัท
.
โดยในวันที่ 22 พ.ย.นี้ จะประชุมสารวัตรเกษตรทั่วประเทศ 300 กว่าคน เวลา 10.00 น.เพื่อรับทราบแนวทางในการลงพื้นที่ทำความเข้าใจกับเกษตรกรและประชาชนที่มีสารทั้ง 3 ตัวในครอบครอง ว่าต้องไปส่งคืนบริษัทหรือร้านค้าหรือเอเยนต์สายส่ง เพราะตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.62 เป็นต้นไปใครครอบครองสารทั้ง 3 ตัวมีความผิดตามกฎหมาย แม้จะโดยประมาทก็มีโทษปรับสูงไม่เกิน 800,000 บาท หากจงใจฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ จึงไม่อยากให้มีภาพเกษตรกรโดนจับเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ และได้เน้นย้ำอย่าให้มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับเกษตรกร
.
ขณะนี้กรมวิชาการเกษตร โดยสำนักควบคุมพืชและวัสดุการเกษตร ได้ให้ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตร 8 เขตทั่วประเทศแจ้งสต็อกล่าสุดของสารพาราควอต // ไกลโฟเซต และคลอร์ไพริฟอสภายในพื้นที่และส่งมาเรียบร้อยแล้ว รวมทั้งให้จัดทำแผนการรับแจ้งและเก็บรวบรวม เพื่อจะนำเสนอคณะทำงานของกระทรวงฯ ติดตามการทำลายสาร
.
สำหรับค่าทำลายสารเคมีที่เป็นวัตถุอันตรายเป็นความรับผิดชอบของผู้ครอบครอง ตามพ.ร.บ. วัตถุอันตราย มาตรา 52 วรรคท้าย ซึ่งในวันที่ 21 พ.ย. นี้ จะเชิญบริษัทค้าสารเคมีนำเข้า-ส่งออก มาประชุมเพื่อจะได้กำหนดแนวทางการรับคืนสารเคมี จากเกษตรกร จากร้านผู้แทนจำหน่าย รวมทั้งการส่งออกกลับไปประเทศอื่นหรือประเทศต้นทาง เพราะหลังวันที่ 1 ธ.ค. 2562 ต้องไม่มีสารเหล่านี้ในประเทศไทยอีก และสารเคมีเหล่านั้นเป็นภาระบริษัทเอกชนที่นำเข้า ต้องรับผิดชอบในการส่งกลับไปต้นทาง หรือการทำลายตามกฎหมาย และไม่สามารถเอาเงินหลวงไปใช้ในการทำลาย