หวานเจี๊ยบ! โพล ม.หอการค้าไทยชี้วาเลนไทน์คึกคักสุดรอบ 5 ปี เงินสะพัดกว่า 2,500 ล้านบาท

129
0
Share:
หวานเจี๊ยบ! โพล ม.หอการค้าไทยชี้ วาเลนไทน์ คึกคักสุดรอบ 5 ปี เงินสะพัดกว่า 2,500 ล้านบาท

นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีและประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจได้สำรวจการใช้จ่ายช่วงวาเลนไทน์ 14 ก.พ. 67 นี้คาดว่าจะมีเงินสะพัด 2,518 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.4 จากปี 66 ที่มีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 2,385 ล้านบาท คึกคักสุดในรอบ 5 ปี

โดยค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคนจะอยู่ที่ 2,125 บาท จากปี 66 ที่ 1,847 บาท แม้ตัวเลขการใช้จ่ายจะเพิ่มขึ้นตามเศรษฐกิจ แต่เป็นการขึ้นโดยราคาสินค้าและอื่นๆสูงขึ้นตาม ซึ่งคนกลุ่ม Gen Z ที่มีอายุ 13-23 ปี จะให้ความสำคัญกับวันวาเลนไทน์มากที่สุดการซื้อของขวัญมอบให้คนรัก มีการทานข้าวนอกบ้าน ซื้อดอกไม้ ไปดูหนัง และไปบ้านแฟน ซึ่งมองว่าเศรษฐกิจไทยเริ่มค่อยๆๆฟื้นตัวขึ้นในช่วงไตรมาสแรก แม้จะยังไม่มากนัก แต่จะเริ่มดีขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 2 เพราะน่าจะมีเม็ดเงินงบประมาณในปี 67 ที่จะเริ่มการเบิกจ่ายจะทำให้เม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ทำให้เศรษฐกิจโดยรวมจะปรับตัวดีขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 2 เป็นต้นไป และหากผลประชุมคณะกรรมการดิจิทัลวอลเล็ตในวันที่ 15 ก.พ.นี้ ออกมาเดินหน้าต่อก็เชื่อว่าจะเสริมสภาพคล่องทางเศรษฐกิจได้ดี

ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย มองจีดีพีปี 2567 จะโตได้ร้อยละ 3-3.5 หากมีดิจิทัลวอลเล็ตเข้ามาจะทำให้จีดีพีปีนี้เกินร้อยละ 4 ได้แน่นอน ดังนั้นกิจกรรมในเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ ทั้งเทศกาลตรุษจีน วาเลนไทน์และวันมาฆบูชา น่าจะทำให้มีเงินสะพัดมากกว่า 80,000-90,000 ล้านบาทที่จะเข้าระบบเศรษฐกิจไทย

ส่วนในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 ภาคการท่องเที่ยวจะยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย สะท้อนจากดัชนีท่องเที่ยวปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 แม้ยังไม่ได้เป็นส่วนช่วยขับเคลื่อนให้เกิดการฟื้นตัวครบทุกภาคส่วน แต่เป็นหนึ่งประสานที่ทำให้เศรษฐกิจไทยปีนี้มีแรงขับเคลื่อนต่อไปได้ จากทั้งหมด 4 ประสาน คือการท่องเที่ยว การส่งออก ราคาสินค้าเกษตร และงบประมาณรายจ่ายที่จะออกมา ทำให้แม้ไม่มีดิจิทัลวอลเล็ต แต่ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยก็ยังเติบโตได้จาก 4 ประสาน ทั้งการส่งเสริมการท่องเที่ยว การส่งออก โดยเฉพาะพืชผลเกษตรที่ราคาดี จึงคาดว่าปีนี้จีดีพีไทยน่าจะโตได้มากกว่า 3% เป็นระยะปลอดภัยที่ไม่มีปัญหาอะไร ยังเติบโตได้ดี แต่อยู่ที่ว่าจะพอใจในการเติบโตระดับดังกล่าวนี้หรือไม่ โดยหากต้องการให้โตได้มากกว่า 4% ปัจจัยที่จะช่วยให้เศรษฐกิจโตเร็วขึ้น คือดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้เศรษฐกิจโตได้เร็วขึ้น